posttoday

ศาลพิพากษาจำคุกสมชายคนขับแท็กซี่ฆ่าหั่นศพครูญี่ปุ่น

16 มีนาคม 2561

สมุทรปราการ-ศาลพิพากษาคดีจำคุกสมชายคนขับแท็กซี่ 33 ปี 4 เดือนฆ่าหั่นศพครูญี่ปุ่นปมหึงหวงให้ยกฟ้องพรชนกอดีตภรรยา

สมุทรปราการ-ศาลพิพากษาคดีจำคุกสมชายคนขับแท็กซี่ 33 ปี 4 เดือนฆ่าหั่นศพครูญี่ปุ่นปมหึงหวงให้ยกฟ้องพรชนกอดีตภรรยา

เมื่อวันที่ 16มี.ค.61 ที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีดำเลขที่ 4571/60 ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสมชาย แก้วบางยาง อายุ 51 ปี จำเลยที่ 1 และนางเพ็ญศรี หรือ พรชนก ทานากะ หรือ ไชยะปะ อายุ 51 ปี จำเลยที่2 ข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง

สืบเนื่องจากการหายตัวไปของ นายโยชิโนริ ชิมาโตะ อายุ 79 ปี ครูสอนภาษาชาวญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 21ก.ย.57 ทำให้นายเท็ตสึโอะ ชิมาโตะ บุตรชาย เดินทางมาตามหาและแจ้งความไว้ที่ สน.ห้วยขวาง  ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนางพรชนก ไชยะปะ เพื่อนสาวคนสนิท ได้และออกมายอมรับสารภาพว่า ได้ร่วกับนายสมชาย สามี ได้นำร่างของนายโยชิโนริ มาชำแหละในบ้านพักที่หมู่บ้านออร์คิด แบ่งชิ้นส่วนบรรจุใส่กระสอบปุ๋ย จำนวน 4 กระสอบ ก่อนจะนำใส่รถแท็กซี่มาทิ้งบริเวณใต้สะพานคลองนาง ซอยมหาวิทยาลัยเอแบค ย่าน อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการเพื่ออำพรางคดี โดยศาลอาญารัชดา พิพากษาประหารชีวิต นายสมชาย แก้วบางยาง ส่วนนางพรชนก จำคุก 48 ปี ในข้อหาร่วมซ่อนเร้นศพ ไปเมื่อวันที่ 14 มกราคม59

ขณะเดียวกันจากคดีที่เกิดขึ้นยังทราบอีกว่ายังมีคนที่มาเกี่ยวข้องกับนาง พรชนก คือ นายคาซึโตชิ ทานากะ ที่เคยคบหากับนางพรชนกจนมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน และในปี 2546 นายคาซึโตชิ ได้ประสบอุบัติเหตุตกบันไดเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปความเห็นคดีดังกล่าวว่าเป็นอุบัติเหตุ  ซึ่งจากการเสียชีวิตของนายคาซึโตชิ นางพรชนก ได้รับเงินประกันชีวิตกว่า 3 ล้านบาท

ต่อมา นางเค็กโกะ มัตตา บุตรสาวนายคาซึโตชิ ได้ทราบข่าวการตายของ นายโยชิโนริ ชิมาโตะ ครูสอนภาษาชาวญี่ปุ่น จึงสงสัยว่าบิดาของอาจจะถูกฆาตกรรมไม่ได้เสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุตกบันได ตามที่นางพรชนก  กล่าวอ้าง วันที่ 23 ตุลาคม 2557 นางเค็กโกะ มัตตา จึงได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อขอให้ตำรวจรื้อฟื้นคดี ชั้นสอบสวน นางพรชนก ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา มีเพียงแต่ นายสมชาย ที่ยอมรับสารภาพเพียงแต่ผู้เดียว

ศาลได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายสมชาย จำเลยที่ 1 ได้รับสารภาพในชั้นสอบสวน ว่าก่อเหตุฆ่านายทานากะ เนื่องจากเกิดความหึงหวง เพราะเคยมีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากับนางพรชนก จำเลยที่ 2 มาก่อน ส่วนข้อต่อสู้ที่ระบุว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเกลี้ยกล่อมให้รับสารภาพ ตอนสอบสวนได้มีทนายนั่งฟังด้วยและไม่ปรากฏว่ามีการเกลี้ยกล่อมแต่อย่างใด ส่วนเรื่องที่พยานฝ่ายจำเลย ให้การในชั้นศาลว่า วันเกิดเหตุที่นายคาซึโตชิ ทานากะ  ผู้เสียชีวิต ได้ว่าจ้างให้นายสมชาย ขับแท็กซี่ไปส่งของที่ต่างจังหวัด เนื่องจากรถของตนเองประสบอุบัติเหตุก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าในวันดังกล่าวมีเหตุเกิดขึ้นจริง รวมถึงคำให้การดังกล่าวไม่มีในชั้นสอบสวน

พิเคราะห์ตามหลักฐานดังกล่าว มีความแน่นหนามั่นคง เพียงพอที่จะเชื่อได้ว่า นายสมชาย ได้ฆ่านายคาซึโตชิ ทานากะจริงเพราะความหึงหวง ประกอบกับ โจทย์ไม่สามารถหาพยานหลักฐานให้เชื่อมโยงได้ว่านายสมชาย วางแผนฆ่านายคาซึโตชิ ทานากะ เพื่อครอบครองธุรกิจและวางแผนเอาเงินประกัน จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัย ศาลจึงพิพากษาตัดสิน นายสมชาย ในข้อหา ฆ่าผู้อื่น ลงโทษ จำคุกตลอดชีวิต แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อคดีลดลง 1 ใน 3 คงเหลือ จำคุก 33 ปี 4 เดือน โดยให้นับต่อจากคดีแดงเลขที่ 90 / 2559

ส่วนนางพรชนก จำเลยที่ 2 โจทย์ไม่สามารถหาพยานหลักฐานว่าจำเลยที่ 2 มีส่วนร่วมเกี่ยวข้องและโจทย์ไม่มีหลักฐานว่าจำเลยที่ 2 รู้ว่านาย คาซึโตชิ ทานากะ  มีเงินประกันมาก่อน ถึงแม้จะมีข้อพิรุธเรื่องการสั่งไม่ให้คนอื่นบอกว่า นายสมชาย อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่จากการสืบพยานก็เป็นหลังจากนายคาซึโตชิ ทานากะ เสียชีวิตแล้ว จึงไม่มีข้อพิสูจน์ถึงแรงจูงใจในการฆ่าได้ ประกอบกับ จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัย ศาลยกฟ้องนาง พรชนก ในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง

ด้านนางจินตนา ณะสุโห อายุ 63 ปี มารดานางเค็กโกะ เปิดเผยว่า หลังฟังคำพิพากษาแล้วส่วนหนึ่งรู้สึกพอใจ แต่อีกส่วนหนึ่งก็รู้สึกเสียใจ ซึ่งหลังจากนี้จะดำเนินการต่อไปอย่างไร ต้องรอพูดคุยปรึกษากับบุตรสาวก่อนเพราะตอนนี้บุตรสาวเดินทางไปต่างประเทศ

ส่วนนายจรินทร์ ภิคุปต์ ทนายความจำเลย เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับจำเลยทั้ง 2 จึงไม่ทราบว่าทางนายสมชาย จะยื่นอุทธรณ์ ในเรื่องของคำพิพากษาหรือไม่