posttoday

จนท.นิคมสร้างตนเองข่มขู่คนจนให้แจ้งป.ป.ท.ได้รับเงินครบทุกคน

16 มีนาคม 2561

ขอนแก่น-เลขาป.ป.ท.สอบนิคมสร้างตนเองโกงคนจนกำนันแฉเจ้าหน้าที่ข่มขู่บอกให้ชาวบ้านแจ้งได้รับเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ครบทุกคน

ขอนแก่น-เลขาป.ป.ท.สอบนิคมสร้างตนเองโกงคนจนกำนันแฉเจ้าหน้าที่ข่มขู่บอกให้ชาวบ้านแจ้งได้รับเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ครบทุกคน

เมื่อวันที่ 16 มี.ค.2561 เวลา 11.30น.ที่ศูนย์การเรียนรู้ บ.หนองแวงใหญ่ ม.13 ต.นาคำ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น พ.ท.กรทิพย์  ดาโรจน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานภาครัฐ (ป.ป.ท.) นำพนักงานสอบสวนและคณะอนุกรรมการไต่สวน จาก สำนักงาน ป.ป.ท.เขต 4 ลงพื้นที่สอบปากคำประชาชนที่ปรากฎตามรายชื่อในบัญชีเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ของนิคมสร้างตนเองเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น งบประมาณประจำปี2560 โดยมีประชาชนมาร่วมให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่รวมกว่า 100 คน

นายสาคร เปรี้ยวดี กำนันตำบลนาคำ กล่าวว่า ในพื้นที่บ้านหนองแวงใหม่ ม.13  มีการสำรวจรายชื่อผู้มีรายได้น้อยบ้างในบางปี ซึ่งในปีที่ผ่านมามีชาวบ้านได้รับเงินสงเคราะห์จากทางนิคมฯเพียง 3 คนส่วนชาวบ้านรายอื่นๆที่มีรายชื่อรับเงินในฐานะกำนันไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน เมื่อประมาณ2อาทิตย์ก่อน ขณะไปตัดอ้อยในไร่ ก็มีเจ้าหน้าที่จากนิคมสร้างตนเองเขื่อนอุบลรัตน์ไปพบพร้อมกับบอกว่า จะมีเจ้าหน้าที่ป.ป.ท.มาตรวจสอบเรื่องรับเงินสงเคราะห์ ให้กำนันไปบอกชาวบ้านว่า ได้รับเงินครบทุกคน จึงตอบเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไปว่า จะพูดตามความจริงทุกอย่าง

พ.ท.กรทิพย  ดาโรจน์ เลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวว่า นิคมสร้างตนเองเขื่อนอุบลรัตน์รับผิดชอบพื้นที่ครอบคลุม 3 อำเภอ 28,962 ครัวเรือนประชากรรวม 104,831 คน ในปีที่ผ่านมาได้มีการเบิกจ่ายเงินตามโครงการดังกล่าวรวม 11,700,000 บาท โดยมีบัญชีเบิก-จ่ายแน่ชัดรวม 65 ฎีกา และจาการลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ บ.หนองแวงใหญ่วันนี้ ชาวบ้านออกมายืนยัน และให้ข้อมูลในพฤติกรรมการกระทำความผิดและส่อทุจริตชัดเจน ทั้งการมีรายชื่อปรากฎแต่ไม่ได้รับเงินสงเคราะห์ ขณะที่บางคนได้รับเงินสงเคราะห์แต่ไม่เต็มจำนวน

ตามระเบียบของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ชัดเจนว่าเงินตามโครงการดังกล่าวนี้จะต้องจ่ายให้กับผู้ที่เข้าหลักเกณฑ์ปีละไม่เกิน 3 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 3,000 บาท แต่จากการสอบสวนพบว่า นอกจากบุคคลที่มีรายชื่อตามที่ปรากฏในฎีกาเบิก-จ่ายที่ได้รับเงินไม่ครบแล้ว บางรายไม่เคยได้รับเงินเลย และบางรายมีรายชื่อไปปรากฏรายการเบิก-จ่ายของนิคมสร้างตนเองแห่งนี้ถึง 4 ครั้ง ซึ่งผิดระเบียบชัดเจนแต่ผู้บริหารของนิคมฯแห่งนี้นั้นทำได้

“พฤติกรรมของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของนิคมฯแห่งนี้ ไม่แตกต่างจากการกระทำความผิดของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งแต่อย่างใด และการลงพื้นที่ตรวจสอบที่นิคมสร้างตนเองที่อุดรธานีและที่ขอนแก่น เป็นชุดแรก ป.ป.ท.พบข้อมูลการกระทำความผิดจากการแจ้งเบาะแสมายัง คสช.และ ป.ป.ท. และเมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วพบการกระทำความผิดที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังคงพบว่ามีการเบิกจ่ายเงินจำนวนที่ต่างกันในแต่ละห้วงเดือน ซึ่งที่ขอนแก่นพบว่าในเดือน พ.ย.2559มีการเบิก-จ่ายเงินเป็นจำนวนกว่า 3 ล้านบาท แต่ในเดือน ก.ค.60 เบิกจ่ายเงินเพียง 6,000 บาท และก่อนที่จะมีการลงพื้นที่พบปะกับชาวบ้านเพื่อสอปากคำชาวบ้านในครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ของนิคมฯ มาพบกับชาวบ้านเพื่อข่มขู่ให้ชาวบ้านให้ปากคำกับ ป.ป.ท.ว่ามีการรับเงินครบทุกคน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวนี้ ป.ป.ท.ได้รวบรวมข้อมูลและประสานงานร่วมกับทางจังหวัด อำเภอและฝ่ายปกครอง ในการตรวจสอบพฤติกรรมและการกระทำดังกล่าว ซึ่งมีความผิดเพิ่มเติมอีกด้วย” พ.ท.กรทิพย์ กล่าว

พ.ท.กรทิพย์ กล่าวต่ออีกว่า การทำงานของ ป.ป.ท.มีความคืบหน้าอย่างมาก โดยเฉพาะการไต่สวนการกระทำความผิดของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่นและเชียงใหม่ ที่มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ป.ป.ท.จะสามารถสรุปสำนวนและมูลความผิดของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งทั่วประเทศชุดแรก 37 จังหวัด 37 ศูนย์ฯ ภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้ และทั้งหมดคือ 74 ศูนย์ฯจะต้องแล้วเสร็จภายในเดือนวันที่ 31 พ.ค.นอกจากการตรวจสอบเรื่องการกระทำความผิดแล้วยังคงมีการประสานงานร่วมกับ ปปง.ในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งขณะนี้ชัดเจนแล้วในหลายเรื่อง ซึ่งยังคงไม่ขอเปิดเผยข้อมูลการสอสวน โดยขอเวลา 2 สัปดาห์ จะสรุปสำนวนส่งให้กับ คณะกรรมการ ป.ป.ท.ชี้มูลความผิดเพื่อเอาผิดกับข้าราชการระดับสูง ที่เกี่ยวข้องได้เพราะขณะนี้ข้อมูลและหลักฐานหลายอย่างชัดเจนแล้วว่าการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ป่วยโรคเอดส์และคนไร้ที่พึ่ง ทั้งในส่วนของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งและนิคมสร้างตนเองนั้นมีขบวนการเงินทอนชัดเจน

“หากผลการสอบสวนเชื่อมโยงไปถึงข้าราชการระดับสูง รายใดและระดับใด ป.ป.ท.จะชี้มูลความผิดและส่งเรื่องให้กับอัยการ ดำเนินคดีทันที ซึ่งอำนาจของ ป.ป.ท.สามารถดำเนินการไต่สวนเอาผิดข้าราชการในระดับ 8  ลงมา แต่หากผู้กระทำความผิดที่มีขอบเขตหน้าที่ในระดับ 8 ขึ้นไป ก็จะมีการส่งเรื่องให้กับ ป.ป.ช.ทันที ซึ่งขณะนี้ได้มีการประสานการทำงานร่วมกันไว้แล้วทั้งหมด เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์  จันโอชา นายกรัฐมนตรี และประธาน คสช.เน้นยำการทำงานให้รัดกุม รอบคอบ และเดินหน้าสืบสวนสอบสวนเอาผิดกับผู้กระทำความผิดในเรื่องที่เกิดขึ้นให้หมดทุกคน”เลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าว