หม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด ไฟไหม้2บาร์เบียร์พัทยาวอด

เกิดเหตุหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด เพลิงลุกลามไหม้ บาร์เบียร์ย่านวอล์กกิ้งสตรีทพัทยาใต้เสียหาย 2 ร้าน นักท่องเที่ยวหนีอลหม่าน

เมื่อวันที่ 10 มี.ค. เวลา 23.00 น. เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยเมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้ ภายในซอย 16 ทัพยา ตัดเข้าถนนคนเดินวอล์กกิ้งสตรีท พทัยา ใต้ ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา และรถดับเพลิงจำนวน 6 คันเข้าระงับเหตุ

ที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้บาร์เบียร์ และรถจักรยานยนต์อย่างรุนแรง ทำให้พนักงานร้านและนักท่องเที่ยวต่างพากันวิ่งหนีตายกันอย่างอลหม่าน  เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และกู้ภัย ต้อง กันพื้นที่พร้อมเร่งระบายนักท่องเที่ยวออกจากจุดเกิดเหตุเพื่อป้องกันอันตราย ก่อนจะพยายามฉีดน้ำสกัดเปลวไฟที่ลุกไหม้อยู่ โดยใช้เวลากว่า 30 นาที่เพลิงจึงสงบ

จากการตรวจสอบพบว่าเพลิงได้ไหม้บาร์เบียร์จำนวน 2 ร้าน ได้แก่ ร้านไททานิกบาร์ และ แอนแอนบาร์ จนเสียหายทั้งหมด ก่อนลุกลามไปไหม้รถ จักรยานยนต์ที่จอดอยู่ริมถนนทั้งสองฝั่ง ได้รับความเสียหายทั้งหมด 16 คัน รวมไปถึงอาคารพาณิชย์ที่อยู่ตรงข้ามซึ่งเปิดเป็นร้านตัดผม ร้านเสริมสวย ร้านอาหาร ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีผู้ที่สำลักควัน 1 รายและได้รับบาดเจ็บถูกไฟลวก 1 ราย เจ้าหน้าที่จึงเคลื่อนย้ายส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง

ขณะที่พนักงานร้านบาร์เบียร์เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ไม่ทราบหน่วยงานใดเดินทางมาเปลี่ยนหม้อแปลงไฟฟ้าบนเสาไฟใหม่แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งก่อนเกิดเหตุขณะที่กำลังทำงานอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงหม้อแปลงที่อยู่ข้างร้านระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ก่อนจะมีเพลิงลุกไหม้ขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่กำลังใช้บริการอยู่ และนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินผ่านมาต่างพากันตกใจวิ่งหนีกันคนละทิศละทาง ส่วนพนักงานร้านก็พยายามช่วยกันดับไฟและเก็บของ แต่เพลิงก็ลุกไหม้อย่างรวดเร็วจนลามไปที่ร้านข้างๆ เมื่อเห็นว่าควบคุมไม่ได้จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้เข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ส่วนสาเหตุนั้นคาดว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรจนหม้อแปลงเกิดระเบิด ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้นน่าจะประมาณหลายล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามจะต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเดินทางมาตรวจสอบเพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป