คุณยายถูกฟ้องเรียกคืนเงินภาษีจี้เอาผิดคนนำเอกสารไปทำนิติกรรม

นครพนม-ยายถูกฟ้องเรียกคืนเงินภาษี11ล้านบาทชีวิตสุดรันทดรับจ้างส่องกบเขียดขายดูแลสามีป่วยและหลานชายเรียกร้องเอาผิดคนนำเอกสารไปทำนิติกรรม

นางนุ้ย พรมราช อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 6 บ้านนาทาม ต.พระกลางทุ่ง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ผู้ถูกกรมสรรพากรฟ้องต่อศาลภาษีอากรกลาง เรียกเก็บภาษี เป็นเงินกว่า 11 ล้าน 8 แสนบาท เนื่องจากมีบุคคลนำเอกสารไปทำนิติกรรมแทนในการจัดตั้งบริษัทแต่มีการเลี่ยงภาษี และมีชื่อเป็นกรรมการใหญ่ผู้มีอำนาจ ทั้งที่ไม่รู้เห็นมาก่อน และมีฐานะยากจน เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้มีการร้องทุกข์ผ่านสื่อมวลชนมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เข้ามาดูแล ช่วยเหลือ ดีใจ รู้สึกมีความหวัง และขอขอบพระคุณทุกส่วนเกี่ยวข้อง
หากไม่มีใครช่วยก็ไม่รู้จะพึ่งใครจนเคยคิดสั้นแต่ก็ยังไม่สบายใจ วอนขอเมตตาจากกรมสรรพากร ให้ความเป็นธรรมเชื่อว่าถูกหลอกนำเอกสารไปตั้งบริษัท ทั้งที่ตนฐานะยากจน ชีวิตรันทดต่อสู้กับสามีมาตั้งแต่ปี 2523 แต่ 4 -5 ปี ที่ผ่านมาต้องแบกภาระลูกทิ้งหลานชายวัย 10 ขวบ ให้ดูแลตั้งแต่เกิดภาระค่าใช้จ่ายตกที่ตน ทำงานรับจ้างรายวัน หาส่องกบส่องเขียดมาขาย มาทำอาหาร เลี้ยงครอบครัว และสามีป่วยโรคเก้า โรคหอบหืด ทำงานหนักไม่ไหว แต่อดทนสู้มาตลอด แถมภาระหนี้สิน ธกส. กว่า 2 แสนบาท กู้มาทำบ้านให้ลูกสาว แต่เขาไม่มีเงินจ่าย ต้องดิ้นรนจ่ายแค่ดอกเบี้ยเป็นรายปี สุดท้ายยังมาเจอปัญหาถูกฟ้องร้องอีก ตราบใดยังไม่ได้เอกสารยืนยันว่า เรื่องคดียุติก็ยังไม่สบายใจ

นางนุ้ย ยืนยันว่า มีบุคคลมาเอาเอกสารของตัวเองไปจริงเมื่อปี 2556 และเป็นคนในหมู่บ้านที่รู้จักกันรวมถึงของเพื่อนบ้าน อีก 5 ราย ต่อมาในปี 2557 หลังเคยมีเอกสารกรมสรรพากร มาทวงเคยไปต่อว่า และสอบถาม ได้รับคำตอบว่า เอาไปให้ญาติที่กรุงเทพมหานคร ส่วนรายละเอียดไม่ทราบ และยังต่อว่าด้วยว่าไม่ต้องสนใจอยู่เฉยๆ เดียวจบเอง และไปร้องทุกข์ และเคยไปแจ้งความบันทึกหลักฐานไว้ที่ สภ.หลักศิลา มีหลักฐานยืนยันให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบแล้วจนกระทั่งเงียบไป เพราะไม่มีความรู้ ไม่มีเวลามาวิ่งเต้น สุดท้ายเจอหมายศาล จึงทนไม่ได้ออกมาร้องทุกข์ อยากให้ทางเจ้าหน้าที่เร่งหาทางเอาผิดบุคคลที่นำเอกสารตนไปด้วยเพราะได้รับความเดือดร้อนและไม่อยากให้ไปทำกับคนอื่น