posttoday

ป.ป.ท.สอบบัญชีเงินสงเคราะห์พบจ่ายซ้ำซ้อนตายไปแล้วยังได้รับ

16 กุมภาพันธ์ 2561

ขอนแก่น-ป.ป.ท.ตรวจบัญชีเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยย้อนหลัง3ปีของศูนย์คุ้มครองฯขอนแก่นพบเบิกจ่ายซ้ำซ้อนคนตายไปแล้วก็ยังได้รับ

ขอนแก่น-ป.ป.ท.ตรวจบัญชีเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยย้อนหลัง3ปีของศูนย์คุ้มครองฯขอนแก่นพบเบิกจ่ายซ้ำซ้อนคนตายไปแล้วก็ยังได้รับ

เมื่อวันที่ 16ก.พ.61 ที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่น ถ.มิตรภาพ บ.สำราญ ต.สำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในหน่วยงานภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ได้ทำการตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่และตรวจสอบห้องประชุมชั้น 2 ของศูนย์ฯ ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับการจัดเก็บเอกสารหลักฐานการเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.เพื่อตรวจสอบเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม รวมทั้งการยื่นเรื่องเพื่อขอเอกสารและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานตลอดทั้งขั้นตอนของการสอบสวนของ ป.ป.ท.

ขณะที่ นายทองสุข  ณ พล นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ ป.ป.ท. เขต 4 พร้อมด้วย พล.ต.กาจบดินทร์  ยิ่งดอน ผู้อำนวยการสำนักปฎิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดที่ 9 สำนักงานปฎิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายในกองทัพ หรือ กอ.รมน. ได้เข้าหารือกับนายอิทธิพัทธ  โรจน์จตุรานนท์  ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองโนนสัง จ.หนองบัวลำภู ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่นมีการพูดคุยภายในห้องผู้อำนวยการศูนย์ฯ นานกว่า 3 ชม. และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนหรือผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังหรือเข้ามาในห้องแต่อย่างใด

นายทองสุข ณ พล นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศา ป.ป.ท.เขต 4 กล่าวว่า วันนี้ ป.ป.ท. ได้รับแจ้งว่าจะมีการเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย ให้กับชาวบ้านในเขต ต.บ้านแด อ.เมือง จ.ขอนแก่น จำนวน 30 รายๆละ 2,000 บาท จึงได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบการดำเนินงานและขั้นตอนต่างๆ แต่ก็ถูกยกเลิกไปเนื่องจาก รักษาการผู้อำนวยการฯ ได้สั่งให้มีการเบิกจ่ายแบบคนต่อคนและให้เจ้าหน้าที่ชุดใหม่ที่รับผิดชอบในโครงการดังกล่าว ลงพื้นที่มอบให้ถึงมิอกับผู้ที่มีรายชื่อตามบัญชีรายชื่อทั้ง นอกจากนี้ ป.ป.ท. ยังคงมีการส่งหนังสือ เพื่อให้ศูนย์คุ้มครองฯแห่งนี้ ให้ความร่วมือในการทำงานร่วมกันกับทุกฝ่ายที่เข้ามาตรวจสอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะ ป.ป.ท. ที่ขอเอกสารการเบิก-จ่ายเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ในปี 2559 ,ปี 2560 ที่มีการเบิกจ่ายเฉพาะช่วงร้องเรียนรวม 6,900,000 บาท และ ในปี 2561 ซึ่งตั้งแต่ต้นปีงบประมาณที่ผ่านมาคือ ต.ค.2560จนถึงวันนี้มีการเบิกจ่ายเงินไปแล้ว 1,700,000 บาทซึ่งมีการอนุมัติเบิกจ่ายโดย อดีตผู้อำนวยการฯ ที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวนี้

“การตรวจสอบเบื้องต้นในส่วนของชาวบ้าน 30 คน ในเขตพื้นที่ ต.บ้านเป็ด ที่จะต้องรับเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยนั้น เป็นงบประมาณประจำปี 2561 แต่มีการออกชื่อซ้ำซ้อนกับรายชื่อรับเงินในปี 2560 จำนวนหลายราย และทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงที่ นางพวงพะยอม จิตรคง ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฯอยู่   ซึ่งในจุดนี้จะต้องตรวจสอบที่มาที่ไปของใบฏีกาที่เบิกจ่ายก้อนนี้ด้วย เพราะขณะนี้พบรายชื่อชาวบ้านรับเงินสงเคราะห์ในคราวเดียวกับชาวบ้านเป็ดอีกกว่า  250 รายๆละ 2,000 บาท ที่สำคัญมีรายชื่อของผู้เสียชีวิตมาทำการเบิกจ่ายเงินดังกล่าวด้วย เรื่องนี้ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ฯ อยู่ในระหว่างการรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด  ส่วนผู้เกี่ยวข้องก็ยังเป็นคนกลุ่มเดิมคือ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ในศูนย์ฯ รวม 5 คน บุคคลภายนอกอีก 1 คน จึงขอเอกสารการเบิกจ่ายในปีงบประมาณ 2560  และ ปี 2561 ซึ่งเอกสารทั้งหมดจะถึงปปท.ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ขณะที่แนวทางการสืบสวนสอบสวนนั้นพบว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีปลอมแปลงเอกสารและปลอมรายชื่อรวมทั้งการเบิก-จ่ายเงิน สงเคราะห์ คือ เจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวง พม.และกระทรวงสาธารณสุข โดยยังไม่ปรากฏบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่นร่วมด้วย ซึ่งหากข้อมูลสาวถึงใครและหน่วยงานใด ป.ป.ท.จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้ครบทุดกคน”นายทองสุข กล่าว

นายทองสุข กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ ป.ป.ท.ได้ทำการขอตรวจสอบการดำเนินงานตามโครงการเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง และหน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม. ที่เกี่ยวข้องกับเงินสงเคราะห์ดังกล่าว ทุกพื้นที่ความรับผิดชอบของ ป.ป.ท.เขต 4 โดยทุกแห่งจะทำการส่งเรื่องมาให้ทำการตรวจสอบในเอกสารปีงบประมาณ 2560 และ 2561 อย่างไรก็ตามขั้นตอนของการสืบสวนสอบสวนต่อจากนี้ คือการส่งพนักงานสอบวน ทำการสอบปากคำและตรวจสอบบุคคลทั้ง 2,000 ชื่อ ที่ปรากฏในบัญชรายชื่อในช่วงงบประมาณปี 2560 ตามการร้องเรียนก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะสรุปรวมเป็นเอกสารหลักฐานและสำนวนยการสอบสวนในภาพรวมทั้งหมด จากนั้น คณะอนุกรรมการจะมีการเรียกประชุมคณะทำงาน เพี่อตรวจสอบสำนวน ก่อนทีจะมีการเรียก ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้ง 6 คน มารับทราบข้อกล่าวหา โดยในประเด็นนี้ผู้ที่ถูกกล่าวหาสามารถที่จะโต้แย้งได้ จากนั้น ป.ป.ท.เขต 4 จะส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ท.ส่วนกลาง เพ่อให้คณะกรรมการของ ป.ป.ท.ได้ชี้มูลความผิดและส่งเริ่องให้กับอัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ดีช่วงระยะเวลาที่ ป.ป.ท.เขต 4 จะต้องดำเนินการทั้งหมดก่อนส่งเรื่องให้กับคณะกรรมการ ป.ป.ท.พิจารณาชี้มูลความผิดนั้น อยู่ในช่วงเวลา 6 เดือน ซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายได้ทำงานอย่างเต็มที รัดกุม ละเอียด และเอาผิดผู้กระทำความผิดในคดีดังกล่าวทั้งหมดให้ได้ทุกคน