posttoday

หนุ่มสุดช้ำจ้างรีโนเวทบ้านในฝันเหลือแต่โครงหลังคา

11 มกราคม 2561

นครสวรรค์-อุทาหรณ์สอนใจ หนุ่มจ้างผู้รับเหมาที่รู้จักผ่านทางเฟซบุ๊กรีโนเวทบ้านใหม่แต่กลับถูกโกงเหลือแต่โครงหลังคาสูญเงินกว่า1.2แสนบาทต้องกางเต็นท์นอนแทน

นครสวรรค์-อุทาหรณ์สอนใจ หนุ่มจ้างผู้รับเหมาที่รู้จักผ่านทางเฟซบุ๊กรีโนเวทบ้านใหม่แต่กลับถูกโกงเหลือแต่โครงหลังคาสูญเงินกว่า1.2แสนบาทต้องกางเต็นท์นอนแทน

เมื่อวันที่ 11ม.ค.61 นายวิกร พรสอน อายุ 27 ปี เจ้าของร้านตัดผมแฟชั่นในอ.เมือง จ.นครสวรรค์ร้องเรียนว่า บ้านรีโนเวทในฝันเหลือเพียงแต่โครงสร้างหลังคา หลังถูกสองสามีภรรยาอ้างว่าเป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างมาทำสัญญาในการรับรีโนเวทบ้านใหม่ในวงเงิน 120,000 บาทเมื่อได้รับเงินไปแล้ว กลับไม่มีการดำเนินการตามสัญญาจ้างแต่อย่างใด อีกทั้ง ยังมีการนำไม้ที่ถอดออกมาจากตัวบ้านหลังเดิมนำไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋าทำให้ไม่สามารถเข้าไปพักอาศัยอยู่ในบ้านได้ต้องมากางเต็นท์นอนอยู่นอกบ้านแทน

เมื่อช่วงปลายเดือนพ.ย.60ได้นำรูปบ้านเกิดที่อาศัยอยู่กับมารดาและน้องชาย อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานีมาโพสต์ลงในเฟซบุ๊ค“กลุ่มธุรกิจนครสวรรค์”เพื่อขอคำปรึกษาและประกาศหาผู้รับเหมาในการมารีโนเวทบ้านหลังเดิมให้สวยงามน่าอยู่ จากนั้นได้มีผู้ใช้ชื่อปลอมในเฟซบุ๊กติดต่อมาให้คำปรึกษา และอาสารับจ้างจะรีโนเวทบ้านหลังเดิมให้ หลังจากที่นัดเจอกันก็เกิดความเชื่อถือ เนื่องจากดูบุคลิก การแต่งตัว และการพูดจามีการนำรูปถ่ายบ้านต่างๆ ที่อ้างว่าไปรับเหมาก่อสร้าง ทั้งบ้านของนักการเมือง และบ้านของข้าราชการผู้ใหญ่ จึงทำให้ตอบตกลงจ้างแต่ชื่อในสัญญากลับนำเอกสารบัตรประชาชนของภรรยามาระบุอยู่ในสัญญาจ้างเป็นผู้รับเหมาแทน

“หลังจากมีการทำสัญญาก็ได้นำเงินที่เก็บหอมรอมริมจากการเป็นช่างตัดผมโอนเข้าบัญชีให้ทั้งหมด แต่ปรากฏว่าผู้รับจ้างได้มาเสนอแนะจะนำไม้ที่รื้อถอนจากโครงสร้างบ้านหลังเดิมทั้งหมดไปขายอ้างว่ามีพรรคพวกรับซื้อ แล้วจะนำเงินที่ได้จากการขายมาคืนให้จึงตอบตกลงเพราะเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่าย บ้านที่รีโนเวทใหม่เป็นบ้านปูนชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์นถือเป็นแบบบ้านในฝันแต่หลังจากที่มีการรื้อถอนไปกลับไม่ได้รับเงิน และยังมีการเจรจาข้อบวกเงินเพิ่มอีก 30,000 บาท อ้างว่าเป็นค่าสุขภัณฑ์และของตกแต่งในห้องน้ำก็หลงเชื่อโอนเงินให้ไปแต่สุดท้ายกลับหายหน้าไปปล่อยทิ้งไว้ให้เหลือแค่เพียงโครงสร้างหลังคามารดาและน้องชายต้องเดือดร้อน ต้องออกมากางเต็นท์นอนอยู่นอกบ้านเพราะอาศัยอยู่ไม่ได้”นายวิกร กล่าว

ทั้งนี้ ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อผู้รับจ้างก็ไม่ค่อยจะรับสาย หรือเมื่อรับสาย ก็จะพูดบ่ายเบี่ยงทุกครั้ง จนรู้สึกว่าถูกโกงแน่จึงได้รวบรวมหลักฐานทั้งสัญญาจ้าง และการพูดคุยกันผ่านไลน์นำไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ ทำให้ได้รู้ความจริงว่าผู้รับจ้างไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างใด และมีพฤติกรรมร่วมกับภรรยา ก่อเหตุฉอโกงในลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายครั้ง และมีผู้เสียหายมาแจ้งความหลายราย

ล่าสุด ผู้รับจ้างถูกจับกุมในคดียาเสพติดอยู่ในเรือนจำ ส่วนภรรยามีอาชีพขายน้ำเต้าหู้ยังคงลอยนวลก็ไม่รู้จะไปพึ่งปรึกษาใคร หมดหนทางจึงตัดสินใจนำเรื่องมาร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อช่วยเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้กับผู้ที่กำลังคิดจะสร้างบ้านใหม่ หรือรีโนเวทบ้านเก่า ให้ตรวจสอบประวัติผู้รับเหมาให้ดีก่อนจะทำสัญญาจ้าง.