posttoday

จนท.ดีเอสไออีก 5 รายให้ปากคำคดี"ครูจอมทรัพย์"

08 ธันวาคม 2560

เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ชุดที่ 2 จำนวน 5 ใน 7 คน เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4คดีครูจอมทรัพย์ แล้ว ขณะที่ รอง ผบช.ภ.4 ระบุเน้นสอบเจ้าหน้าที่ชื่อ"เอ็ม"เป็นพิเศษ

เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ  ชุดที่ 2 จำนวน 5 ใน 7 คน เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4คดีครูจอมทรัพย์ แล้ว ขณะที่ รอง ผบช.ภ.4 ระบุเน้นสอบเจ้าหน้าที่ชื่อ"เอ็ม"เป็นพิเศษ

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 8 ธ.ค. 60  ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (บช.ภ.4) เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ นำโดย นายชาติชาย โทสินธิติ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ, พ.ต.ต.สมพงษ์ เชื้อมหาวรรณ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ, พ.ท.ณพลพงศ์ กมลอาสน์ เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการพิเศษ,  นายธิตินัย พาติกบุตร เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการพิเศษ,นายสุรศักดิ์ คำเรียง เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการพิเศษ ,ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชุดที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบหลักฐาน ทั้งทะเบียนรถและรถยนต์ที่เกี่ยวข้องในการรื้อฟื้นคดีครูจอมทรัพย์ ได้เดินทางเข้าให้ปากคำและมอบเอกสารเกี่ยวกับการทำงานต่อ พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ. 4 และ คณะพนักงานสอบสวน ที่กำกับควบคุมคดี โดยมีเพียงนายบารมี จันทรพิสัย พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ  และ พ.ต.ท.วัชรัศมิ์ เฉลิมสุขสันต์ คณะทำงาน ไม่ได้เดินทางมาให้ปากคำในวันนี้

พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ชุดที่ 2 นี้ มี นายชาติชาย โทสินธิติ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ซึ่งได้เข้าให้ปากคำตามที่ได้รับหนังสือจากพนักงานสอบสวน บช.ภ.4 โดยเดินทางมาให้ปากคำพร้อมคณะ รวม 5 คน ขณะที่  อีก 2 คน ติดราชการที่ต่างประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ได้มอบเอกสารที่เป็นเอกสารการรายงานการปฏิบัติหน้าที่ ช่วงที่ลงพื้นที่ปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบพยาน หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการรื้อฟื้นคดีครูจอมทรัพย์ มอบให้ด้วย

"การสอบสวนชุดที่2 จะเน้นในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้ร้องให้รื้อคดี เพราะเกือบทุกขั้นตอนของการปฏิบัติงาน จะเกี่ยวข้องกับผู้รื้อเกือบทั้งหมด  ดังนั้นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอชุดนี้ ต้องให้การโดยละเอียดในทุกขั้นตอน เพราะเจ้าหน้าที่ มีประเด็นสอบสวนครอบคลุมไว้ทั้งหมด  และต้องตอบชัดเจนในทุกประเด็น ต้องตอบให้ได้ ว่าเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนใดบ้าง และที่สำคัญคือการแสดงให้เห็นทราบว่า มีส่วนรู้เห็นหรือไม่อย่างไร กับคดีนี้"

รอง ผบช.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า สำหรับทะเบียนรถยนต์เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า มี 2 แผ่นแน่นอน เพราะพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้ส่งตรวจที่ ศพฐ. ขณะที่กระทรงยุติธรรมได้ส่งอีกแผ่นซึ่งเป็นทะเบียนที่ใหม่กว่าตรวจสอบเช่นกัน ดังนั้น ในเรื่องนี้จะมีการตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะมั่นใจว่า ไม่ใช่แผ่นเดียวกัน เมื่อตรวจสอบชัดเจน ก็จะนำมาซึ่งหลักฐานอีกชิ้นที่แสดงถึงขบวนการที่ไม่โปร่งใสในการรื้อฟื้นคดี เข้าข่ายแสดงหลักฐานเท็จต่อเจ้าพนักงาน และหากเป็นการสร้างหลักฐานเท็จก็ต้องตรวจสอบอีกว่า ใครเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งเมื่อสอบสวนชุดที่2 แล้วเสร็จจึงจะสรุปได้ว่า ใครมีส่วนรู้เห็นบ้าง

"เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติงานที่ชื่อนายเอ็มเป็นหนึ่งในคณะทำงาน มีหน้าที่ประสานงานในทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการรื้อฟื้นคดี รวมทั้งมีการติดต่อกับผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับและหมายเรียกด้วย พนักงานสอบสวนต้องสอบเค้นนายเอ็มถึงการประสานงาน ว่า ทำอะไรบ้าง ขั้นตอนไหนใครเกี่ยวข้อง ต้องให้มีความชัดเจน เพราะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอชุดที่ 2  เป็นชุดที่รู้ข้อเท็จจริงในการรื้อฟื้นคดีมากกว่าชุดแรก อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่า การสอบสวนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอนั้น เชิญตัวมาสอบในฐานะพยาน ที่เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเท่านั้น ไม่ใช่การสอบผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ต้องหาแต่อย่างใด เมื่อการสอบสวนแล้วเสร็จตามขั้นตอน ก็จะมีการตรวจสอบสำนวนการสอบสวน เพื่อพิจารณาและดูเจตนาเป็นหลัก ทำงานกันแบบตรงไปตรงมา หากพบความผิดก็ต้องพิจารณาดูว่าเข้าข้อกฎหมายใดบ้าง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้สรุป"