posttoday

"ยังไม่พบพิรุธ" ตร.ภาค4สรุปผลสอบ7จนท.ชุดแรกคดีครูจอมทรัพย์

07 ธันวาคม 2560

ตำรวจภูธรภาค 4 สรุปผลการสอบสวน 7 เจ้าหน้าที่ DSI ชุดแรก ในคดีครูจอมทรัพย์ เบื้องต้นไม่พบพิรุธ แต่ติดใจในประเด็นที่ทำไมตรวจสอบเพียงพยานบุคคล

ตำรวจภูธรภาค 4 สรุปผลการสอบสวน 7 เจ้าหน้าที่ DSI ชุดแรก ในคดีครูจอมทรัพย์ เบื้องต้นไม่พบพิรุธ แต่ติดใจในประเด็นที่ทำไมตรวจสอบเพียงพยานบุคคล

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.เวลา 16.30 น.ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4  (บช.ภ.4 ) จ.ขอนแก่น พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4  ประชุมร่วมทีมพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีครูจอมทรัพย์ หลังจากมีการสอบสวนเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ชุดแรก 7 คนแล้วเสร็จในวันนี้ ท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชนที่มาเฝ้าติดตามทำข่าวในคดีดังกล่าวที่ บช.ภ.4 กันตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา อีกทั้งยังคงมีประชาชนที่สนใจในคดีดังกล่าว มาทำการติดตามความเคลื่อนไหวและร่วมสังเกตุการรืการทำงานของเจ้าหน้าที่เช่นกัน

พล.ต.ต.ธนาศักดิ์  กล่าวว่าจากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ทั้ง 7 คนนานกว่า 6 ชั่วโมง ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมานั้นพนักงานสอบสวนไม่พบพิรุธแต่อย่างใด แต่มีข้อสงสัยว่าการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น ทำไมตรวจสอบเพียงพยานบุคคล จำนวน 17 คน เท่านั้น แต่หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดี ทั้งทะเบียนรถยนต์ และรถยนต์คันที่เกิดเหตุ ทำไมไม่ตรวจสอบ ดังนั้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในคดีดังกล่าวนี้นั้น จะถือว่าเป็นการบกพร่องต่อหน้าที่หรือไม่นั้น ในจุดนี้สำนวนการสอบสวนต้องผ่านการตรวจสอบและการพิจารณาจาก คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตำรวจภูธรภาค4เสียก่อน จึงจะสรุปได้ว่าบกพร่องหรือไม่

"การสอบสวนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ชุดที่1 ตำรวจได้ทำการสอบสวนในฐานะพยาน ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทที่มีการการรื้อฟื้นคดีของครูจอมทรัพย์ โดยมีมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องด้วย รวม14 คน คือเจ้าหน้าที่ดีเอสไอชุดที่ 1 และชุดที่2 นอกนั้นเป็นชาวบ้าน 17 คน ซึ่งชาวบ้านทั้ง 17 คนนั้นพนักงานสอบสวนมีการสอบสวนเรียบร้อยแล้ว  โดยพนักงานสอบสวนออกหมายจับครูจอมทรัพย์และครูอ๋อง รวม2 คน ส่วนอีก 12 คนนั้น พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาในข้อหา ร่วมกันสร้างพยานหลักฐานเท็จ ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน เบิกความเท็จและซ่องโจร  ซึ่งผู้ที่ถูกออกหมายเรียกได้ทยอยเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้วเช่นกัน"

รอง ผบช.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของพยานหลักฐานที่นำไปสู่การรื้อคดีครูจอมทรัพย์ นั้น เจ้าหน้าที่ดีเอสไอชุดที่1 ไม่ทราบเรื่อง และไม่ทราบเรื่องการว่าจ้าง ในประเด็นนี้ พนักงานสอบสวนต้องสอบสวนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอชุดที่2 ให้ละเอียดและรัดกุม เพราะชุดที่ 2 เป็นชุดที่ทำการตรวจทะเบียนรถยนต์ ซึ่งปรากฏว่าป้ายทะเบียนรถที่พนักงานสอบสวนส่งตรวจ กับที่ดีเอสไอนำมาแสดงนั้น เป็นคนละแผ่นกัน  ดังนั้น ชุดที่ 2 ต้องมีคำตอบที่ชัดเจนในที่มาของแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าว อย่างไรก็ตามการรื้อฟื้นคดีครูจอมทรัพย์นั้น เกี่ยวพันกับคนหลายคนที่ประกอบด้วยประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งหากการสอบสวนพบว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐมีความผิดก็จะถูกตั้งข้อหาทั้งอาญาและวินัย ซึ่งทุกอย่างว่ากันตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยตำรวจดำเนินการอย่างโปร่งใสและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย