posttoday

หมอเถื่อนสารภาพผ่าเสริมอกสาวสองดับเผยจำวิธีมาจากแพทย์ในคลินิก

12 พฤศจิกายน 2560

ตำรวจลำปางคุมตัวหมอเถื่อนสอบ สารภาพผ่าตัดเสริมอกสาวประเภทสองจนเสียชีวิตจริง อ้างจำวิธีผ่าตัดมาจากแพทย์ในคลินิก

ตำรวจลำปางคุมตัวหมอเถื่อนสอบ สารภาพผ่าตัดเสริมอกสาวประเภทสองจนเสียชีวิตจริง อ้างจำวิธีผ่าตัดมาจากแพทย์ในคลินิก

เมื่อวันที่ 12พ.ย.  เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขลางค์นคร อ.เมือง จ.ลำปาง ได้นำตัว นายธนัชพงศ์ จิตรธีภิรมย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดลำปาง ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา หลังจาก นายธนัชพงศ์ ได้ทำการผ่าตัดเสริมทรวงอกกับสาวประเภทสอง ชาว จ.ลำพูน จนเสียชีวิตในคลินิก เถื่อนที่เปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนที่ นายธนัชพงศ์ จะหลบหนีไปหลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามได้ติดตามจับกุมได้ที่พัทยาและคุมตัวมาที่จ.ลำปงางเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

พ.ต.อ.จิตตพล วงษ์วัน ผู้กำกับการ สภ.เขลางค์นคร ได้ทำการสอบสวน นายธนัชพงศ์ ก่อนที่จะนำตัวไปชี้จุดเกิดเหตุในคลินิก โดยเฉพาะจุดที่ใช้ผ่าตัดสาวประเภทสองที่เสียชีวิต เพื่อให้ทางพนักงานสอบสวน สภ.เขลางค์นคร ได้บันทึกภาพนำไปประกอบในสำนวนในคดีนี้ เนื่องจากทาง นายธนัชพงศ์ ได้ยอมรับสารภาพกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่า เป็นผู้ผ่าตัดเสริมทรวงอกให้กับสาวประเภทสองคนดังกล่าวที่เสียชีวิตจริง

นายธนัชพงศ์ กล่าวว่า ขอยอมรับผิดทุกอย่าง ซึ่งตนไม่ได้เป็นแพทย์จริง แต่ก็ไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายใคร สำหรับลูกค้าที่ดูแลอยู่ และเคยให้บริการ และเป็นสมาชิกอยู่ประมาณ 1,500 คน ก็ไม่เคยมีปัญหา กระทั่งมาเกิดขึ้นในกรณีนี้  ส่วนความรู้ที่นำมาทำการผ่าตัดศัลยกรรมนั้นมาจากการเรียนรู้มาเฉพาะด้านทางศัลยกรรม ซึ่งที่ผ่านมาในฐานะที่ตนเป็นเจ้าของคลินิก ก็ได้เข้าห้องผ่าตัดกับคุณหมอหลายท่านจนทำให้รู้วิธี และมีความเชี่ยวชาญ

นายธนัชพงศ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่เคยแอบอ้างตัวเป็นแพทย์ศัลยกรรมชื่อดัง ส่วนเสื้อกาวน์แพทย์ที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบในห้อง และระบุชื่อแพทย์ศัลยกรรมชื่อดังอย่างชัดเจนนั้น นายธนัชพงศ์ปฏิเสธว่าไม่ทราบ โดยระบุว่าอาจจะเป็นเสื้อของใครที่ติดมาอยู่ในห้องของตนเองในคลินิก

อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้นายธนัชพงศ์ ได้ยกมือไหว้ผ่านสื่อ เพื่อขอโทษต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะระบุว่า ไม่อยากให้เกิดขึ้น และขอยอมรับผิดทุกอย่าง โดยยืนยันว่าพร้อมเยียวยาช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิต และผู้รับบริการที่เกิดความเสียหายทุกคน