ตำรวจภาค4จับแก๊งปลอมโฉนดที่ดินรายใหญ่ในพื้นที่ภาคอีสาน

ขอนแก่น-ตำรวจภาค4จับแก๊งปลอมโฉนดที่ดินรายใหญ่สามารถนำไปค้ำประกันและยื่นกู้ได้คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า24ล้านบาท

พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ รักษาการ ผบช.ภ.4 แถลงจับกุม นาง อุบลรัตน์ มนตรี อายุ 51 ปี นายสมพาน โกศิลา อายุ 47 ปี และนายอุดม ภูตินันท์ อายุ 49 ปี พร้อมอุปกรณ์การปลอมแปลงโฉนดที่ดินจำนวนมาก โฉนดที่ดินปลอม 3 ฉบับ, โฉนดที่ดินเปล่า 7 ฉบับ เครื่องพิมพ์ดีด 1 เครื่อง ตรายางประจำสำนักงานที่ดิน 1 อัน ตรายางชื่อเจ้าหน้าที่ที่ดิน2 อัน และทรัพย์สินอีกจำนวนหลายรายการ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน 3 บก.สส.ภ.4 จับกุมได้หลังวางแผนล่อซื้อโฉนดที่ดินปลอมในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ริมถนนมิตรภาพ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น

พล.ต.ต.สุรชัย กล่าวว่าได้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระนวนว่ามีกลุ่มบุคคลนำโฉนดที่ดินปลอมมาค้ำประกันกู้เงินจำนวน ทั้งสิ้น 69 ฉบับ คิดเป็นเงินประมาณ 5,000,000 บาท  และยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายทยอยเข้าแจ้งความว่าถูกบุคคลเดียวกันนำเอาโฉนดปลอมมาทำการกู้เงินในพื้นที่ อ.กระนวน อ.พระยืน รวมไปถึงบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อ ในเขต จ.ขอนแก่น  รวมมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 24,000,000 บาท

ต่อมา เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สืบหาเบาะแสของกลุ่มคนร้ายรายนี้ กระทั่งสามารถเข้าจับกุมกลุ่มคนที่นำโฉนดปลอมมาค้ำประกันหลอกกู้เงินได้ประมาณกว่า 20 ราย พร้อมขยายผลจนสามารถทราบตัวคนปลอมแปลงโฉนดปลอมขึ้นมาคือ นางอุบลรัตน์  จึงวางแผนล่อซื้อโฉนดที่ดินปลอมกับนางอุบลรัตน์ 1 ฉบับ ในราคา 13,000 บาท ภายในปั๊มน้ำมันดังกล่าวก่อนจะทำการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 2 คน  พร้อมอุปกรณ์การปลอมแปลงโฉนดที่ดินทั้งหมด

นางอุบลรัตน์รับสารภาพว่าลงมือทำมานานแล้ว โดยจะปลอมโฉนดขึ้นเองทุกขั้นตอนและให้บริการแบบวงจร ตั้งแต่กระบวนการทำแผ่นโฉนดปลอม การพิมพ์ผ่านเครื่องพิมพ์ดีด การปั๊มตรายางชื่อเจ้าหน้าที่ที่ดิน ตรายางสำนักงานที่ดิน รวมทั้งลายเซ็นจองเจ่าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หรือผู้มีสิทธิ์ครอบครอง ให้เหมือนกับของจริงมากที่สุด โดยขายโฉนดเปล่าราคาแผ่นละ 5,000 บาท ส่วนโฉนดที่พร้อมใช้จะขายในราคาแผ่นละ 13,000 – 15,000 บาท โดยจะมีกลุ่มรับโฉนดปลอมออกไปทำการกู้เงินตามบริษัทปล่อยกู้ต่างๆ โดยแต่ละคนจะมีหน้าที่ค้ำประกันและกู้ยืนกระจายออกไป ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คนที่ถูกจับได้ มีหน้าที่ขับรถให้และนำโฉนดที่ดินปลอมส่งลูกค้า โดยจ้างคนละ 500 บาท ต่อครั้ง เบื้องต้นจึงได้ตั้งข้อหา ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม