เจ้าของร้านผ้าไหมกู้เงิน4.5ล้านบาทแต่ถูกเรียกเก็บกว่า10ล้าบบาท

ขอนแก่น-เจ้าของร้านผ้าไหมชื่อดังเมืองอุดรฯแฉกู้เงินนายทุน4.5ล้านบาทแต่ถูกเรียกเก็บกว่า 10 ล้านบาทหนำซ้ำถูกยึดที่ดินไป19 แปลง

เมื่อวันที่26ก.ย.60 เวลา11.00น.ที่สำนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น พ.ต.ต.สมพงษ์ บุตรรัตน์ สว.กก.2 บก.ปคบ. นำกลุ่มลูกหนี้นอกระบบจากจ.ขอนแก่น อุดรธานี และเลย รวม 10 ราย เข้าพบอัยการสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคดี เพื่อหาแนวทางการให้ความช่วยเหลือหลังจากที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มลูกหนี้นอกระบบในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคอีสานเข้าร้องเรียนต่อสำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการกู้หนี้นอกระบบและถู กเอารัดเอาเปรียบ เก็บดอกเบี้ยไม่เป็นธรรม บางรายขบวนการชั้นศาลเสร็จสิ้น แต่ยังถูกเจ้าหน้าเรียกเก็บ มากกว่า จำนวนที่ศาลสั่ง

นายสมหมาย ประเสริฐกุล อายุ 58 ปี  เจ้าของร้านวงเดือนผ้าไทย อยู่บ้านเลขที่ 381ม.1  ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี หนึ่งในลูกหนี้กู้ยืมเงินนอกระบบ กล่าวว่า ได้ขอกู้เงินนายทุนรายใหญ่ในพื้นที่เพื่อต้องการเงินมาขยายกิจการ ตั้งแต่ปี 2547 ถึงปี 2550 รวมเป็นเงิน 4,500,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อมาเศรษฐกิจไม่ดี การจ่ายเงินจึงไม่คล่องตัว ปี 2549 จึงมีการเจรจาซึ่งนายทุนให้ยอมรับสภาพหนี้ จำนวน 6,663,969 บาท

ต่อมาปี 2550 นายทุนให้ทนายความยื่นฟ้องต่ อศาล ในจำนวน 6,663,969 บาทก็ยอมจ่าย แต่ขณะนั้นยังไม่มีเงินก้อนที่ จะจ่ายครั้งเดียว จึงได้มาจ่ายในปี 2557 ในจำนวนที่ศาลสั่ง แต่นายทุนไม่ยอมโดยอ้างว่า ดอกเบี้ยเดินหน้าทุกวัน จากจำนวน 6,663,969 บาท  นายทุนขอเพิ่มเป็น 10 ล้านบาท พร้อมกับยึดบ้านยึดที่ดิน บ่อเลี้ยงปลา ที่ใช้ค้ำประกันเงินกู้ไปด้ วยรวม 19 แปลง ซึ่งเจ้าหน้าที่ ที่ดินได้ประเมินมูลค่าที่ดิน 19 แปลง รวมเป็นเงินในราคา 51,515,265 บาท

การเดินทางเข้าพบอัยการคุ้มครองสิทธิ์ฯในครั้งนี้เริ่มพบทางออกกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่จะต้องเดินทางเข้าไปร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่สำนักงานใหญ่ เพราะในพื้นที่ไม่สามารถที่จะจัดการกับนายทุนเงินกู้เหล่านี้ ได้ ทั้งนี้ได้มีการพูดคุยกันในกลุ่มเครือข่ายหนี้นอกระบบว่าเดือนตุลาคม นี้จะรวมตัวกันเดินทางเข้ากรุ งเทพฯเพื่อร้องเรียนกับหน่ วยงานที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนต่อไป