ศาลพิพากษาเอ็นจีโอปลุกชาวบ้านปิดถนนรอกำหนดโทษ1ปี

พิจิตร-ศาลพิพากษาเอ็นจีโอปลุกชาวบ้านต้านเหมืองทองอัคราปล่อยผู้ชุมนุมปิดถนนให้รอการกำหนดโทษมีกำหนด 1 ปี

เมื่อวันที่22 ก.ย.60 ที่ศาลจังหวัดพิจิตร ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคคีที่พนักงานอัยการจังหวัดพิจิตรเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ธัญญารัศมิ์ สินทรธรรมทัช จำเลยที่ 1 ผู้จัดการชุมนุมและเข้าร่วมชุมนุมกับชาวบ้าน ที่ทางหลวงหมายเลข 1191 สายหนองขนาก – ท้ายดง หมู่ที่ 9 ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตรโดยนัดหมายให้จำเลยที่ 2- 27 มาร่วมการชุมนุมสาธารณะเพื่อเรียกร้องคัดค้านกรณีบริษัทอัครา รีซอร์สเซส เข้ามาประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 59 เวลากลางวัน แต่ไม่แจ้งต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง ไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมปล่อยให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมปิดถนน ทำให้เกิดการขัดขวางต่อประชาชนที่จะใช้ถนนหรือทางสาธารณะ อีกทั้งผู้ร่วมชุมนุมปิดบังหรืออำพรางตนใช้ผ้าและหมวกมาปิดบังใบหน้าจงใจมิให้มีการระบุตัวบุคคลได้ถูกต้องอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายและทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน

นอกจากนี้จำเลยที่ 1- 27ได้ร่วมกันข่มขืนใจให้นายแอ็ด คงคา ผู้เสียหายซึ่งเป็นโจทก์ร่วม ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถบรรทุกสินแร่ใช้เส้นทางดังกล่าวปิดกั้นถนนให้หยุดรถไม่ให้รถขนแร่ผ่าน จนผู้เสียหายจำใจต้องหยุดรถข่มขู่และใช้กำลังประทุษร้าย โดยทุบรถยนต์บรรทุกบังคับให้ผู้เสียหายลงมาจากรถ ทำให้ผู้เสียหายเกิดความวิตกหวาดกลัวผู้ชุมนุมมีความผิดตามประมวลอาญามาตรา 309 วรรค 2 จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 มาตรา 10 , 15 , 28 , 30 , 31 และจำเลยคนอื่นๆมีความผิดหลายข้อหาหลายกรรมที่ต่างกัน

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยทั้ง 27 คน เป็นชาวบ้านในชุมชนที่อ้างว่า ได้รับผลกระทบจากากรทำเหมืองแร่ทองคำ จึงรวมตัวกันออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านแต่ก็มิได้เกิดเหตุการณ์รุนแรงหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของทางราชการ อีกทั้งโจทก์ร่วม คือ นายแอ็ด คือคนขับรถบรรทุกแร่ ซึ่งเป็นผู้เสียหายก็ไม่ติดใจดำเนินคดีต่อจำเลยทั้ง 27 คนทั้งในทางแพ่งและคดีอาญา ได้กระทำความผิดเป็นครั้งแรกและรู้สำนึกในการกระทำผิด ศาลจึงอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 จึงพิพากษาให้รอการกำหนดโทษจำเลยทั้ง 27 คนไว้ มีกำหนด 1 ปี