posttoday

เจ็ทแอร์ฯระทึก!เจอมือถือปริศนาขอลงจอดฉุกเฉินสุวรรณภูมิ

21 กันยายน 2560

สายการบินเจ็ทแอร์เวย์สระทึก!2 สามีภรรยาชาวอินเดียเจอโทรศัพท์มือถือบนเครื่องบินมีข้อความ"ห้ามปิดเครื่อง" แจ้งลูกเรือ ด้านกัปตันหวั่นไม่ปลอดภัย แจ้ง หอบังคับการบินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขอใช้แผนสถานการณ์ฉุกเฉิน

สายการบินเจ็ทแอร์เวย์สระทึก!2 สามีภรรยาชาวอินเดียเจอโทรศัพท์มือถือบนเครื่องบินมีข้อความ"ห้ามปิดเครื่อง" แจ้งลูกเรือ ด้านกัปตันหวั่นไม่ปลอดภัย แจ้ง หอบังคับการบินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขอใช้แผนสถานการณ์ฉุกเฉิน

เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 20 ก.ย.  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ  พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เชิญตัวสองสามีภรรยาชาวอินเดีย  มาสอบปากคำ หลังจากพบโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง ตกอยู่บนเบาะที่นั่งผู้โดยสารบนอากาศยานของสายการบิน เจ็ทแอร์เวย์ส เที่ยวบิน 9W 066 ที่บินมาจากท่าอากาศยานเดลลี  มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  จึงแจ้งพนักงานของสายการบินสายดังกล่าวทราบ ก่อนพนักงานของสายการบินดังกล่าวจะนำโทรศัพท์ที่พบไปส่งมอบให้กัปตันของอากาศยานเพื่อทำการตรวจสอบพบว่าโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวเปิดอยู่และมีข้อความขึ้นที่หน้าจอว่า "ห้ามปิดเครื่อง" ทำให้กัปตันของสายการบินดังกล่าวหวั่นเกรงเรื่องความปลอดภัยและอาจมีเหตุที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น จึงแจ้งมายังหอบังคับการบินของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อขอประกาศใช้แผนสถานการณ์ฉุกเฉิน  เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง

นายศิโรตม์  ดวงรัตน์  ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวว่า  เมื่อเวลาประมาณ 20.20 น.ของวันที่ 20 ก.ย.2560 ศูนย์รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับแจ้งผ่านศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศว่า สายการบินเจ็ทแอร์เวย์ส เที่ยวบิน 9W 066 ที่เดินทางมาจากท่าอากาศยานเดลลี  มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  โดยมีกำหนดเครื่องลง เวลา 20.37 น. และขอใช้แผนฉุกเฉิน เนื่องจากพบโทรศัพท์มือถือตกอยู่ที่เบาะผู้โดยสารภายในเครื่องซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นของใครและมีข้อความที่ไม่น่าไว้วางใจ หลังรับแจ้งเหตุ  จึงประเมินสถานการณ์ร่วมกับสายการบินดังกล่าว ก่อนที่จะประกาศใช้แผนฉุกเฉิน  เรื่องการขู่วางระเบิดอากาศยาน พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการตามแผนฉุกเฉินทันที 

จากนั้นได้นำเครื่องบินลำดังกล่าวเข้าจอดที่หลุมจอด Isolated  Parking Stand ทางด้านฝั่งทิศตะวันตกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมลำเลียงผู้โดยสารทั้งหมด 153 คนและลูกเรืออีกจำนวน 8 คนออกจากเครื่อง และให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD)ตรวจค้นร่างกายและสัมภาระของผู้โดยสารที่บรรจุอยู่ใต้ท้องเครื่อง และในเครื่องอากาศยานอย่างละเอียด แต่ไม่พบสิ่งของต้องสงสัยแต่อย่างใด

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวสองสามีภรรยาชาวอินเดีย  ซึ่งเป็นผู้โดยสารที่เดินทางมากับเครื่องบินลำดับกล่าว และเป็นคนแจ้งพนักงานประจำอากาศยานว่าพบโทรศัพท์มือถือตกอยู่บนเบาะนั่งผู้โดยสารภายในเครื่อง มาทำการสอบสวนที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ เดินทางมาร่วมสอบปากคำด้วยตัวเอง

เบื้องต้นอาจเป็นการเข้าใจผิดทางกัปตันอาจคิดว่า หากปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าว อาจจะเป็นการจุดฉนวนระเบิด จึงได้แจ้งมายังหอบังคับการการบินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อขอใช้แผนฉุกเฉิน เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารทั้งหมด   ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระภายในอากาศยานและตรวจผู้โดยสารทั้งหมดอย่างละเอียดแล้ว ไม่พบสิ่งต้องสงสัยแต่อย่างใด

ด้านพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ เปิดเผยว่า ในเหตุการณ์ดังกล่าว จากการสอบถามเบื้องต้นอาจจะเป็นความเข้าใจของกัปตัน ว่าเมื่อพบเห็นข้อความที่หน้าจอโทรศัพท์ก็อาจเข้าใจว่าสถานการณ์ไม่น่าปลอดภัย แต่จากการตรวจสอบของหน่วย EOD ประจำสนามบินแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด   ส่วนข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์เท่าที่ดูร่วมกันหลายฝ่าย อาจเป็นข้อความที่ดาวน์โหลดมา เช่น ห้ามชัดดาวเครื่อง กัปตันอาจจะสงสัยประเด็นนี้จึงให้ตรวจสอบในเครื่องบินทั้งหมด  แต่ไม่พบวัตถุต้องสงสัยแต่อย่างไรเหตุการณ์ทุกอย่างเป็นปกติ

ในส่วนคนที่เชิญตัวมาสอบปากคำเป็นทั้งสองสามีภรรยาชาวอินเดียเขาไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย แต่เขาเป็นผู้โดยสารที่มีเจตนาดี  เขาเป็นผู้โดยสารที่เดินทางจากฮูลีนาดี จะเดินทางเข้าสุวรรณภูมิ เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้เป็นการตรวจสอบความปลอดภัยทั้งหมด เพราะในมาตรการความปลอดภัยของสนามบินสุวรรณภูมิมีอยู่แล้ว มีเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง เจ้าหน้าที่ EOD  ก็มีความพร้อม เป็นไปตามระบบการรักษาความปลอดภัย