posttoday

"เปรี้ยว"พร้อมแก๊งฆ่าหั่นศพกราบขอขมาครอบครัวแอ๋มในห้องพิจารณาคดี

19 กันยายน 2560

"เปรี้ยว"พร้อมผู้ต้องหาแก๊งหั่นศพเข้ากราบขอขมาครอบครัว "แอ๋ม" ในห้องพิจารณาคดี ระหว่างที่ศาลนัดตรวจพยาน-หลักฐาน คาดมีคำพิพากษาช่วงมี.ค.61

"เปรี้ยว"พร้อมผู้ต้องหาแก๊งหั่นศพเข้ากราบขอขมาครอบครัว "แอ๋ม" ในห้องพิจารณาคดี ระหว่างที่ศาลนัดตรวจพยาน-หลักฐาน คาดมีคำพิพากษาช่วงมี.ค.61

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. นายบุญยงค์ แก้วฝ่ายนอก ทนายความของ น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หนึ่งในผู้ต้องหาคดีฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือ น้องแอ๋ม ให้สัมภาษณ์หลังจากที่ศาลเบิกตัวผู้ต้องหาในคดีประกอบด้วย น.ส.ปรียานุช  โนนวังชัย หรือเปรี้ยว, น.ส.กวิตา  ราชดา หรือเอิน, น.ส.อภิวันทน์ , นายวศิน  นามพรม และ  น.ส.จิดารัตน์  พรหมคุณ หรือเบนท์ เพื่อนัดสอบพยานและตรวจเอกสารหลักฐาน โดยวันนี้มีทนายความของฝ่ายจำเลย เดินทางมากันครบทุกคน นอกจากนี้ยังมีครอบครัวผู้เสียชีวิตเดินทางมาร่วมรับฟังการพิจารณาด้วย

นายบุญยงค์ กล่าวว่า ศาล ได้ทำการตรวจพยานหลักฐานทั้งจากฝ่ายจำเลยและฝ่ายโจทย์ ตั้งแต่ 09.00 ถึงช่วงบ่าย จึงเสร็จสิ้น ทนายความทั้งสองฝ่ายได้ยื่นพยาน หลักฐานต่อศาล ซึ่งฝ่ายโจทย์ยื่นบัญชีพยานบุคคลจำนวน 27 ปาก ส่วนทนายฝ่ายจำเลย ยื่นบัญชีพยานบุคคล 8  ปาก ซึ่งในจำนวนพยาน 8 ปากนี้ จำเลยทั้ง 5 คน ต่างเป็นพยานให้กันและกัน โดยมีพยานบุคคลอื่นอีก 3 ปาก ถือว่ายื่นครบสมบูรณ์ทั้งสองฝ่าย แต่หากฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งคิดว่ายังไม่สมบูรณ์ และอยากยื่นพยานเพิ่มก็ยื่นคำร้องต่อศาลได้ เมื่อขั้นตอนการยื่นบัญชีพยานเรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนต่อไป ศาลได้นัดสอบพยานฝ่ายโจทก์รวม 6 นัด สอบพยานฝ่ายจำเลย 2 นัด ซึ่งจะเสร็จสิ้นการสอบพยานทั้งสองฝ่ายภายในเดือนมีนาคม 2561จากนั้นก็จะเข้าสู่บวนการที่ศาลจะนัดฟังคำพิพากษา

นายบุญยงค์ กล่าวอีกว่า ภายในห้องพิจารณา จำเลยทั้ง 5 คน ได้เข้ากราบขอขมา พ่อ แม่ และยาย ของน้องแอ๋มด้วย โดย น.ส.เปรี้ยวได้คุกเข่าคลานเข้าไปกอดมารดาของน้องแอ๋ม และจำเลยทั้งหมดได้กราบขอขมาพร้อมกับกล่าวขอโทษ  ซึ่งฝ่ายมารดาของน้องแอ๋มรวมทั้งจำเลยทั้ง 5 คน ต่างก็ร้องไห้ น้ำตาไหลอาบแก้ม

"ศาลบอกว่า การขอขมานั้นทำได้ ส่วนโทษในความผิดที่ก่อขึ้นก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย"นายบุญยงค์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการตรวจพยาน และเอกสารต่างๆแล้ว จำเลยทั้งหมดได้ถุกส่งตัวกลับไปยังห้องคุมขังผู้ต้องหา บริเวณอาคารใต้ถุนศาล เพื่อรอส่งตัวกลับไปคุมขังที่เรือนจำกลางขอนแก่น และที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น มีเพียง น.ส.เบนท์ เท่านั้นที่เดินทางกลับบ้านตามการอนุญาตให้ประกันตัวในช่วงระหว่างของการพิจารณาคดี