posttoday

คมนาคมจับปรับรถตู้โดยสารวิ่งนอกเส้นทาง1ต.ค.60

09 กันยายน 2560

คมนาคมดีเดย์1ต.ค.จับปรับรถตู้โดยสารวิ่งออกนอกเส้นทาง2,000 บาท/วัน/คันขยายเวลาเปลี่ยนรถมินิบัสออกไปอีก 2 ปี

คมนาคมดีเดย์1ต.ค.จับปรับรถตู้โดยสารวิ่งออกนอกเส้นทาง2,000 บาท/วัน/คันขยายเวลาเปลี่ยนรถมินิบัสออกไปอีก 2 ปี

นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางได้มีมติเห็นชอบจัดระเบียบรถตู้ประจำทางซึ่งเดินรถในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ที่วิ่งออกนอกเส้นทาง ไม่ได้เดินรถในเส้นทางที่ได้รับอนุญาตซึ่งมีประมาณ 600 คัน ใน 115 เส้นทาง โดยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ เป็นต้นไป รถตู้โดยสารสาธารณะฝ่าฝืนวิ่งออกนอกเส้นทาง ทางกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) จะร่วมกับกรมขนส่งทางบก (ขบ.) ดำเนินการปรับในอัตราเริ่มต้นที่ 2,000 บาทต่อคันต่อวัน

นอกจากนี้ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้ช่วยเหลือผู้ประกอบการรถตู้โดยขยายเวลาการบังคับใช้นโยบายเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสจำนวนไม่เกิน 20 ที่นั่ง ไปจนถึงเดือนต.ค. 2562 สำหรับรถตู้หมวด 3 ที่วิ่งบริการระหว่างจังหวัดกับจังหวัด ที่มีจุดจอดต้นทางปลายทาง , รถหมวด 4 วิ่งภายในจังหวัดเดียวกัน และรถหมวด 1 ที่วิ่งให้บริการในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ขณะที่ตู้หมวด 2 ที่วิ่งให้บริการกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด และรถตู้หมวด 3 ที่วิ่งบริการระหว่างจังหวัดกับจังหวัด ที่มีจุดจอดรับส่งระหว่างทาง และมีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี รวมกันแล้วกว่า 100 คัน จะต้องเปลี่ยนเป็นรถไมโครบัส ตามกำหนดการเดิมคือวันที่ 1 ต.ค.นี้ เป็นต้นไป

"สาเหตุที่ผ่อนผันเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ทำการสำรวจความคิดเห็น และพบว่าน่าจะเกิดปัญหาในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรถตู้ที่เดินรถในกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประสบปัญหาผู้โดยสารใช้บริการรถตู้น้อยมากทำให้การลงทุนรถใหม่มีความเสี่ยงสูง ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ที่ประชุมจึงขยายเวลาออกไปอีก 2 ปี"นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงคมนาคมได้พิจารณาคำขอของผู้ประกอบการรถตู้หมวด 1 ที่วิ่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ต้องให้ขยายระยะเวลาการใช้งานของอายุรถตู้โดยสารสาธารณะ จากเดิมไม่เกิน 10 ปี เป็น 12-15 ปี โดยที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว และยืนยันตามมติเดิมที่รถตู้โดยสารสาธารณะต้องมีอายุใช้งานไม่เกิน 10 ปี เนื่องจากเป็นรถที่ต้องให้บริการสาธารณะ การที่มีอายุใช้งานมากเกินไปอาจไม่เหมาะสม อีกทั้งประชาชนผู้ใช้บริการอาจไม่มีความมั่นใจที่ต้องใช้บริการรถที่มีอายุนานๆ ขณะเดียวกันที่ประชุมยังมีมติ