posttoday

ดีเอสไอลุยตรวจที่ราชพัสดุถูกทุนจีนรุกปลูกผลไม้กว่าพันไร่

16 สิงหาคม 2560

รองอธิบดีดีเอสไอลงพื้นที่กาญจนบุรี ตรวจสอบที่ดินราชพัสดุกว่า 1,000 ไร่ หลังประชาชนร้องถูกทุนจีนรุกปลูกผลไม้ส่งกลับประเทศ

รองอธิบดีดีเอสไอลงพื้นที่กาญจนบุรี ตรวจสอบที่ดินราชพัสดุกว่า 1,000 ไร่ หลังประชาชนร้องถูกทุนจีนรุกปลูกผลไม้ส่งกลับประเทศ

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เข้าพบ นายณรงค์ รักร้อย รอง ผวจ.กาญจนบุรี พ.อ.กานต์นาท นิกรยานนท์ ผบ.กรม สน.พล.ร.9 นายปั้น เปล่งผิว ธนารักษ์พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อประชุมร่วมกันกรณีมีชาวบ้านร้องเรียนไปยังดีเอสไอว่ามีกลุ่มนายทุนชาวจีนกว้านซื้อที่ดินราชพัสดุเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ บริเวณพื้นที่หมู่ 12 ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ซึ่งดีเอสไอได้พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ และได้ส่งเจ้าหน้าที่มาสืบสวนสอบสวนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

จากนั้นเวลา 13.30 น. พ.ต.ท.ประวุธ พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ที่ได้รับร้องเรียน โดยพบว่า บริเวณประตูทางเข้าพื้นที่มีป้ายประกาศติดเอาไว้ว่า "ท่านอยู่ในพื้นที่ตามพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2481 เป็นพื้นที่ฝึกของทางราชการทหารและได้ถูกบุกรุก ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์สิทธิ์ห้ามทำการบุกรุกเพิ่มเติม หน่วยดูแลรักษาพื้นที่ฝึกฯ ทภ.1" โดยพื้นที่ทั้งหมดพบมีการปลูกพืชเกษตร เช่น ฝรั่งกิมจู ฝรั่งแป้น มะนาว แก้วมังกร และมะละกอ และเมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพื้นที่ด้านในที่เป็นเนินก่อสร้างบ้านพักคนงานที่อยู่ใกล้กับเชิงเขา พบ นายโกศล ชาวอำเภอบ้านโป่ง และแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาทั้งชายหญิง จำนวน 5 คน

นายโกศล ให้การว่า ตนเป็นเพียงผู้ดูแลพื้นที่แห่งนี้ โดยมี นายศุภชัย เป็นเจ้าของ ซึ่งได้ซื้อที่ดิน ภ.บ.ท.5 มาในราคาไร่ละประมาณ 3-4 หมื่นบาท ที่ผ่านมาได้เสียภาษีให้กับทาง อบต.ทุกปี ซึ่งทาง อบต.ไม่เคยแจ้งว่าพื้นที่ดังกล่าวผิดกฎหมาย เพราะหากรู้แต่แรกว่าเป็นที่ดินที่ผิดกฎหมาย เจ้าของคงไม่ซื้ออย่างแน่นอน สำหรับพื้นที่ทั้งหมดมีประมาณ 650 ไร่ โดยก่อนซื้อ พื้นที่ทั้งหมดได้มีการปรับโล่งเตียนอยู่แล้ว มีการปลูกอ้อย มันสำปะหลัง และฟักทอง ซึ่งไม่ได้ทำการบุกรุกป่าแต่อย่างใด

ด้าน พ.ต.ท.ประวุธ กล่าวว่า ดีเอสไอได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวว่ามีกลุ่มนายทุนร่วมกับบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีนเข้ามาซื้อที่ดินซึ่งเป็นที่ดินราชพัสดุ ในพื้นที่ หมู่ที่ 12 ตำบลจรเข้เผือก อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 2 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 1,200 ไร่ โดยมีการเข้าไปปลูกพืชผลทางเกษตร และมีการปักเสาปูนล้อมรั้วลวดหนามกั้นเป็นแนวไว้มีลักษณะหวงกั้นเด็ดขาด ซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็นราชพัสดุที่ใช้เพื่อประโยชน์ทางทหาร มีกองพลทหารราบที่ 9 เป็นผู้รับผิดชอบดูแลพื้นที่

ดีเอสไอได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นกรณีที่คนต่างด้าวเข้ายืดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิและไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ เนื่องจากผู้กระทำผิดเป็นคนต่างชาติและพื้นที่เกิดเหตุอยู่ใกล้ชายแดนประเทศเมียนมา และมีลักษณะการประกอบการเกษตรกรรมของนายทุนต่างชาติ มีการใช้สารเคมีอย่างรุนแรงเพื่อให้ได้ผลผลิตจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของราษฎรในพื้นที่ ซึ่งดีเอสไอได้รับดำเนินการเป็นคดีพิเศษเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตามดีเอสไอพร้อมที่จะให้ผู้ที่เป็นเจ้าของนำเอกสารการครอบครองที่ดินมาพิสูจน์ เพื่อให้ความเป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่ที่ รองอธิบดีดีเอสไอ เดินทางมาตรวจสอบในครั้งนี้มีทั้งหมด 2 แปลง เนื้อที่รวมกันประมาณ 1,200 ไร่ ขณะที่นายทุนที่เข้ามากว้านซื้อนั้นเป็นชาวจีนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงราย โดยมีการนำผลผลิตส่งไปขายที่ประเทศจีนทั้งหมด