posttoday

นามยงฟ้องกทม.เรียกพันล.

04 สิงหาคม 2560

นามยง ฟ้อง กทม.อีกรอบ เรียกค่าเสียหาย 1,040 ล้าน พร้อมดอกเบี้ย 7.5% หลัง กทม.ยื่นเอกสารขอรับรถทั้ง 139 คัน ออกจากท่าเรือแหลมฉบัง

นามยง ฟ้อง กทม.อีกรอบ เรียกค่าเสียหาย 1,040 ล้าน พร้อมดอกเบี้ย 7.5% หลัง กทม.ยื่นเอกสารขอรับรถทั้ง 139 คัน ออกจากท่าเรือแหลมฉบัง

น.ส.พิมพ์กาญจน์ เหลือง สุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่ด้าน การเงิน บริษัท นามยง เทอร์มินัล (NYT) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2560 บริษัทได้ยื่นฟ้องกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นคดีแพ่งต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง หมายเลขคดีดำที่ กค. 137/2560 ขอให้ กทม.ชำระเงินค่าภาระยกขนสินค้าขาเข้า ยกขนสินค้าเพิ่มเติมและค่าภาระฝากสินค้า เป็นค่าเก็บรักษาสินค้า ที่ไม่ได้นำออกนอกเขตศุลกากร รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,040.81 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปีของต้นเงิน 972.72 ล้านบาท นับจากวันฟ้องจนกว่าการชำระหนี้จะแล้วเสร็จ พร้อมชำระค่าฝากรถวันละ 2.72 แสนบาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะนำรถดับเพลิงทั้งหมดออกจากท่าเรือ

ทั้งนี้ การฟ้องร้องในครั้งนี้ เกิดขึ้นเพราะเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2559 กทม.ได้ขอนำรถดับเพลิงทั้งหมด 139 คัน ออกจากท่าเรือแหลมฉบัง โดยอ้างว่าเป็นยุทธภัณฑ์ จึงได้รับการยกเว้นอากรตามกฎหมาย โดยได้ดำเนินการพิธีการศุลกากร และนำสำเนาใบขนสินค้าขาเข้า พร้อมแนบรายการภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่มมาแสดงด้วย จึงแสดงถึงเจตจำนงที่สมบูรณ์ ในการขอรับรถดับเพลิงทั้งหมดที่เก็บรักษาไว้ กทม.จึงมีหน้าที่ชำระค่าภาระต่างๆ ก่อน จึงจะสามารถนำรถออกไปจากท่าเรือได้ แต่กลับเพิกเฉยหลายครั้ง แม้จะได้รับหนังสือทวงถามจากฝ่ายกฎหมายของบริษัทก็ตาม

"บริษัทพิจารณาแล้วเห็นว่า สิทธิเรียกร้องของบริษัทที่มีต่อ กทม.ยังมีอยู่เต็มจำนวนและยังไม่ขาดอายุความ ประกอบกับเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงใหม่ที่ศาลยังไม่ได้วินิจฉัย จึงได้ยื่นฟ้อง กทม.ต่อศาลอีกครั้งหนึ่ง เพราะบริษัทไม่มีหนทางอื่นที่จะบังคับให้ กทม.ชำระค่าภาระต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้"

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก กทม.ได้ทำสัญญาซื้อรถดับเพลิง และอุปกรณ์กับบริษัท สไตเออร์-เดมเลอร์-พุค สเปเชียล ฟาห์รซอย เอจี แอนด์ โค เคอี เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2547 โดยผู้ขายได้ส่งมอบ รถดับเพลิง 67 คัน และรถบรรทุก น้ำ 72 คัน ผ่านเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เดินทางมาถึง ท่าเทียบเรือสินค้ากอง เอ5 ที่อยู่ ภายใต้บริหารจัดการของบริษัท แต่ กทม.ไม่ได้ดำเนินการทางพิธีการศุลกากรเพื่อขอรับสินค้าไป

บริษัทจึงได้ยื่นฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าและระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 11 ม.ย. 2555 ให้ชำระหนี้ฐานผิดสัญญา เป็น เงินรวม 530.37 ล้านบาท และ ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง ในวันที่ 18 มี.ค. 2556

เนื่องจากเห็นว่าคดีขาดอายุความแล้วและได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาลฎีกาและเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2560 ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

โดยศาลเห็นว่า กทม.แม้จะ เป็นผู้ซื้อแต่ยังไม่ได้ติดต่อขอรับเอกสารที่เกี่ยวกับการขนส่งและดำเนินการพิธีการศุลกากร เพื่อ ขอรับสินค้าไปทั้งหมดจากบริษัท จึงยังไม่ได้แสดงเจตนารมณ์เพื่อขอรับสินค้าที่บริษัทเก็บรักษาไว้ กทม.จึงยังไม่มีหน้าที่ต้องชำระ ค่าภาระฝากสินค้าเข้าตามที่บริษัทเรียกร้อง จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่า สิทธิเรียกร้องขาดอายุความ 2 ปีแล้ว เพราะไม่ได้ทำให้ผลเปลี่ยนแปลง