posttoday

อุทยานเข้าตรวจสำนักสงฆ์ในป่าเขื่อนศรีฯพบสร้างพระใหญ่โดยไม่ได้รับอนุญาต

18 กรกฎาคม 2560

เจ้าหน้าที่อุทยานเข้าตรวจสอบสำนักสงฆ์กลางป่าเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ พบครอบครองไม้แปรรูปหวงห้าม-สัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต สร้างพระใหญ่ขัดเงื่อนไขร่วมโครงการพุทธอุทยาน

เจ้าหน้าที่อุทยานเข้าตรวจสอบสำนักสงฆ์กลางป่าเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ พบครอบครองไม้แปรรูปหวงห้าม-สัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต สร้างพระใหญ่ขัดเงื่อนไขร่วมโครงการพุทธอุทยาน

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช สั่งการให้ นายธรรมรัช วงศ์โสภา ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พร้อม ด้วย นายฐิติ โสมภีร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ชุดที่1 สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่3 (บ้านโป่ง) สนธิกำลังเจ้าหน้าที่อุทยาน ป่าไม้ ทหาร ลงพื้นที่ตรวจสอบสำนักสงฆ์พุทธสถานบุญญพลัง ตั้งอยู่ขอบอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ บ้านท่าสนุ่น ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี หลังจากสังคมออนไลน์แชร์ภาพสำนักสงฆ์ปลูกสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ กลางป่าเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ โดยการเดินทางต้องใช้เรือยนต์จากท่าเรือแม่ละมุ่นเข้าไปเป็นระยะทางประมาณ 5 กม.

เมื่อเดินทางถึงสำนักสงฆ์พุทธสถานบุญญพลัง พบกับ พระนทีกัสสปะ ศรัทธาพันธุ์ อายุ 36 ปี พระลูกวัด เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งวัตถุประสงค์ของการเข้าตรวจสอบ ซึ่ง พระนทีกัสสปะ ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสิ่งก่อสร้างที่ได้แจ้งการครอบครองไว้ตามโครงการพุทธอุทยาน จำนวน 8 รายการ ประกอบด้วย กุฏิพร้อมห้องน้ำ โรงครัว ศาลาปฏิบัติธรรม โรงเครื่องปั่นไฟ ฐานพระประธาน แท๊งค์น้ำ พระพุทธรูป 15 เมตร และกุฏิสงฆ์อีก 3 หลัง

ผลการตรวจสอบสำนักสงฆ์ดังกล่าว ซึ่งมีเนื้อที่ 20 ไร่ 2 งาน ไม่พบสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติม แต่พบว่าฐานพระประธานองค์ใหญ่ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง มีขนาดใหญ่เกินความจำเป็นผิดเงื่อนไขของโครงการพุทธอุทยาน จึงสั่งให้ระงับการก่อสร้างไว้ก่อน

นอกจากนี้ยังพบสัตว์ป่าคุ้มครองจำนวนมากประกอบด้วย กวางป่า 7 ตัว นกยูง 5 ตัว ตะพาบหัวกบ 7 ตัว  เต่าเหลือง 2 ตัว และเหยี่ยวแดง 4 ตัว ส่วนที่บริเวณหอฉัน เจ้าหน้าที่ตรวจพบไม้กระยาเลยแปรรูปเป็นชนิดไม้ประดู่ และไม้มะค่าโมง วางกองอยู่ใต้อาคาร จำนวน 45 แผ่น ปริมาตร 1.22 ลบ.เมตร จากการตรวจสอบไม่พบหลักฐานแสดงการได้มาของไม้ จึงทำการตรวจยึดสัตว์ป่าและไม้ทั้งหมดไว้เป็นของกลางและควบคุมตัวพระนทีกัสสปะไปทำการสอบสวนที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.16 (ห้วยพลู)

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา พระนทีกัสสปะ ศรัทธาพรรณ ในความผิดฐาน ทำไม้หรือเจาะหรือสับหรือเผา หรือกระทำด้วยประการใดๆ แก่ไม้หวงห้าม ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายหรือเสื่อมสภาพซึ่งไม้ หรือทรัพยากรอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดฐานครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ขณะที่ พระสมฤทธ์ รัตนญาโณ เจ้าสำนักสงฆ์ เปิดเผยว่า ทางสำนักสงฆ์ได้เข้าโครงการพุทธอุทยาน และมีการอนุญาตถูกต้อง ในส่วนของสัตว์ต่างๆ มีลูกศิษย์นำมาถวาย นำมาปล่อยไว้บ้าง ส่วนกองไม้ก็เป็นไม้เก่าที่มีการนำบริจาค หากเป็นความผิดก็พร้อมรับในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ แต่ขอยืนยันว่าทางสำนักสงฆ์ไม่มีแนวคิดในการตัดไม้ทำลายป่า มีแต่ปลูกต้นไม้เสริมให้เกิดความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ในส่วนของการสร้างพระใหญ่ก็เป็นการดำเนินการเพื่อสร้างศาสนวัตถุเพื่อไว้กราบไหว้บูชาต่อไป

 

อุทยานเข้าตรวจสำนักสงฆ์ในป่าเขื่อนศรีฯพบสร้างพระใหญ่โดยไม่ได้รับอนุญาต

 

ด้าน นายฐิติ โสมภีร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เปิดเผยว่า หลังจากมีข่าวเผยแพร่ในโซเชียลและมีการแชร์ภาพสำนักสงฆ์ โผล่ในป่าเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ กรมอุทยานฯ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เข้าตรวจสอบในครั้งนี้ ว่าเป็นสำนักสงฆ์ที่อยู่ในโครงการพุทธอุทยานในพื้นที่อนุรักษ์ระยะที่สอง ในเนื้อที่ 20 ไร่ 2 งาน พบมีการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตหลายรายการ และมีไม้แปรรูปจำนวนหนึ่ง จึงทำการตรวจยึดจับกุม นอกจากนี้ยังตรวจพบมีการก่อสร้างฐานพระประธานองค์ใหญ่ซึ่งอยู่ระหว่างกำลังก่อสร้าง มีขนาดใหญ่เกินความจำเป็นผิดเงื่อนไขของโครงการพุทธอุทยาน จึงสั่งให้ระงับการก่อสร้างไว้ก่อนเพราะไม่มีการขออนุญาตซึ่งผิดเงื่อนไขของอุทยาน ซึ่งจะได้รายงานให้กรมอุทยานฯ พิจารณาสั่งการต่อไป

ด้าน นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า จากการเข้าตรวจสอบพบมีการกระทำความผิดในพื้นที่สำนักสงฆ์พุทธสถานบุญญพลัง 3 กรณี พบมีการครอบครองไม้แปรรูปหวงห้ามและสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพบมีการทำการก่อสร้างฐานพระใหญ่โดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งผิดเงื่อนไขการอนุญาตในโครงการพุทธอุทยาน ดังนั้นจะได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ เพื่อพิจารณาเพิกถอนออกจากโครงการพุทธอุทยานต่อไป