posttoday

ส่งทหารเกณฑ์ไทยไปทำงานที่เกาหลี

15 กันยายน 2553

ปัจจุบันนายจ้างเกาหลีมีความต้องการแรงงานไทยเป็นอย่างมากเพราะคนไทยขยันทำงาน ส่วนใหญ่เป็นนายจ้างในภาคเกษตร เลี้ยงสัตว์ อุตสาหกรรมโรงงานและก่อสร้าง....

ปัจจุบันนายจ้างเกาหลีมีความต้องการแรงงานไทยเป็นอย่างมากเพราะคนไทยขยันทำงาน ส่วนใหญ่เป็นนายจ้างในภาคเกษตร เลี้ยงสัตว์ อุตสาหกรรมโรงงานและก่อสร้าง....

โดย...วิทยา ปะระมะ

“ผมสนใจอบรมภาษาเกาหลีครับเพราะรู้ว่าทำงานที่นั่นมีรายได้ 2 หมื่นบาทขึ้นไป คิดว่ารายได้น่าจะดี ก็เป็นแรงจูงใจจะได้มีเงินมาช่วยเหลือครอบครัวแล้วยังเป็นโอกาสหาประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศอีกด้วย” พลทหารพิษณุ สุวรรณไตรย์ ทหารเกณฑ์จากมุกดาหารบอกเล่าถึงความรู้สึกระหว่างพิธีปฐมนิเทศ“โครงการส่งเสริมการมีงานทำในต่างประเทศแก่ทหารเกณฑ์ที่ใกล้ปลดประจำการ”ซึ่งกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานร่วมกับศูนย์การทหารราบ (ค่ายธนะรัชต์) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จัดขึ้นเมื่อวันที่ 10-14 ก.ย.ที่ผ่านมา

ส่งทหารเกณฑ์ไทยไปทำงานที่เกาหลี

เช่นเดียวกับพลทหารสุธิชาติ วงศ์กะโซ่ จากจังหวัดเดียวกันบอกว่าสนใจอบรมภาษาเกาหลีเหมือนเพื่อนเพราะมองว่าเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าดังนั้นถ้ามีโอกาสไปทำงานต่างประเทศก็อยากเรียนรู้บ้านอื่นเมืองอื่นว่าเป็นอย่างไร

“ที่บ้านผมทำไร่ทำสวน ถ้าปลดประจำการไปก็คงไปช่วยงานที่บ้านหรือไม่ก็มองว่าจะเปิดร้านซ่อมจักรยานยนตร์ แต่การไปทำงานต่างประเทศก็เป็นประสบการณ์ที่ดี รายได้ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกผมอยากไปเรียนรู้บ้านเมืองเขา อยากรู้ว่าทำไมคนไทยถึงชอบเกาหลีกันนัก ทีกับคนไทยไม่เห็นจะชอบอย่างนี้บ้าง”พลทหารสุธิชาติกล่าว

ปกติค่ายทหารแห่งนี้จะมีทหารปลดประจำการปีละ 2 ผลัด ผลัดละประมาณ 600 คน ก่อนออกไปจะได้รับการฝึกฝนทักษะอาชีพช่างปูน ช่างเครื่องและช่างไม้อยู่แล้วแต่การอบรมตามโครงการนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสการมีงานทำแก่ทหารหลังปลดประจำการให้มากขึ้นไปอีก และทั้ง 2 คนก็เป็นส่วนหนึ่งของทหารเกณฑ์ใกล้ปลดประจำการ 150 คนที่เข้าอบรม แบ่งเป็น 2 หลักสูตรคือการอบรมทักษะภาษาเกาหลีและการอบรมทักษะฝีมือช่างก่ออิฐและฉาบปูนเพื่อรองรับการออกไปขายแรงงานในต่างประเทศ

“ส่งศรี บุญบา” รองอธิบดีกรมการจัดหางานระบุว่าแต่ละปีจะมีทหารเกณฑ์ปลดประจำการเข้าสู่ตลาดแรงงานจำนวนมาก คนเหล่านี้มีระเบียบวินัยร่างกายแข็งแรงจึงตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานในต่างประเทศ

ด้วยเหตุนี้เลยมีแนวคิดในการทำโครงการนำร่องร่วมกับค่ายธนะรัชต์ขึ้นมา ในส่วนแรกจะเน้นอบรมทักษะภาษาเกาหลีเพื่อเตรียมตัวเข้าสอบวัดความรู้ หากสอบผ่านก็จะได้รับการคัดเลือกให้ไปทำงานที่เกาหลีมีรายได้เฉลี่ยประมาณ 2.5-2.7 หมื่นบาท/เดือน ส่วนการอบรมช่างอิฐและฉาบปูนเป็นการเตรียมทักษะเพื่อส่งออกไปยังตลาดเอเชีย ตะวันออกกลางและแอฟริกาซึ่งมีความต้องการช่างฝีมือก่อสร้างจำนวนมาก

“ฮาน ซัง วอน” ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคลเกาหลีประจำประเทศไทย ซึ่งมาร่วมสังเกตการอบรมครั้งนี้ด้วยให้ข้อมูลว่าปัจจุบันนายจ้างเกาหลีมีความต้องการแรงงานไทยเป็นอย่างมากเพราะคนไทยขยันทำงาน ส่วนใหญ่เป็นนายจ้างในภาคเกษตร เลี้ยงสัตว์ อุตสาหกรรมโรงงานและก่อสร้าง

แต่ปัญหาอย่างหนึ่งของแรงงานไทยคือเรื่องภาษาเพราะการจะเข้าไปทำงานในเกาหลีต้องผ่านการทดสอบภาษาด้วย ที่ผ่านมาแรงงานไทย 100 คนจะผ่านการทดสอบภาษาเพียง 35 คน ดังนั้นโควต้าแรงงานที่เปิดให้ประเทศไทยจึงไม่เคยเต็มเสียที

“ผมอยากให้ช่วยบอกต่อๆกันด้วยว่าแรงงานไทยเป็นที่ต้องการของนายจ้างมาก การอบรมทหารเกณฑ์เพื่อเตรียมทักษะภาษาจึงเป็นเรื่องที่ดีเพราะคนหนุ่ม แข็งแรง มีวินัยย่อมมีอนาคตดี”

ด้านเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.กระทรวงแรงงานกล่าวว่าแม้โครงการนี้เป็นเพียงโครงการนำร่องแต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ผ่านมากองทัพเป็นฝ่ายผลิตบุคคลกรที่มีคุณภาพมีระเบียบวินัย มีการฝึกวิชาชีพให้ทหารเกณฑ์อยู่แล้วจึงเป็นที่สนใจของผู้ประกอบการที่จะจ้างทหารปลดประจำการไปทำงานด้วย

การเข้ามาเสริมของกระทรวงแรงงานจึงมาเพิ่มทักษะในส่วนของภาษาและให้ข้อมูลตลาดแรงงานว่าแต่ละช่วงตลาดต้องการแรงงานประเภทใด ทำให้ทหารปลดประจำการมีโอกาสในการหางานทำเพิ่มขึ้นไปอีก

“ส่วนการดำเนินการในระยะยาว เราจะเห็นว่าค่ายทหารทุกๆแห่งมีการฝึกฝีมือให้ทหารอยู่แล้ว เราจะทำหนังสือขอความร่วมมือในลักษณะนี้กับค่ายทหารทุกแห่ง หรือถ้าเป็นไปได้ก็อยากทำ MOU กับทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศไปเลย เพราะเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายสมผลประโยชน์ กองทัพได้ผลิตบุคคลกรมีคุณภาพ ตัวทหารมีโอกาสหางานทำในต่างประเทศ มีรายได้สูงขึ้น ส่วนกระทรวงแรงงานก็ได้จัดส่งแรงงานออกไปหาเงินเข้าประเทศ” เฉลิมชัยกล่าว

และใช่ว่าจะมีแค่เกาหลีที่เดียว กระทรวงแรงงานยังมีข้อตกลงการส่งแรงงานแบบรัฐต่อรัฐกับประเทศญี่ปุ่นด้วย โดยแรงงานที่ไปทำงานจะได้เงินเดือน 2 หมื่นบาทในปีแรก ปีที่ 2-3 ได้เงินเดือนประมาณ 3 หมื่นบาท และเมื่อครบ 3 ปีกลับประเทศยังได้เงินขวัญถุงกลับมาตั้งต้นชีวิตอีก 2 แสนบาทด้วย

“ผมคิดว่าโครงการแบบนี้มีประโยชน์ต่อพี่น้องชาวไทยนะ อย่างน้อยที่สุดน้องๆที่ปลดประจำการไปแล้ว 3-4 ปีก็ได้ทำงานหาประสบการณ์ เมื่อกลับมาก็มีเงินตั้งตัวและสามารถตั้งค่าตัวเวลาไปสมัครงานได้ด้วย”

...ปีพ.ศ.2493 ประเทศไทยเคยส่งทหารเข้าไปร่วมรบในสงครามเกาหลีและสร้างเกียรติภูมิแก่กองทัพไทยให้กระเดื่องเลื่องลือมาแล้ว ผ่านมาถึงปี 2553 เราก็กำลังจะส่งทหาร (ปลดประจำการ) ไปเกาหลีเช่นกันแต่ไปคราวนี้ต้องสู้กับสงครามปากท้องเป็นสำคัญ...