posttoday

ย้อนคดี “สองตายายเก็บเห็ด”ป่า บทเรียน"ชีวิต"บนความหวัง

03 พฤษภาคม 2560

คดีสองตายายฐานะยากจนเข้าไปเก็บเห็ดในป่า ดำเนินมาถึงตอนสุดท้าย หลังพยายามต่อสู้ทางกฏหมายมานานกว่า7ปี

เอกชัย จั่นทอง

คดีสองตายายฐานะยากจนเข้าไปเก็บเห็ดในป่า ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุมในข้อบุกรุกและตัดไม้ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ จังหวัดกาฬสินธุ์ ดำเนินมาถึงตอนสุดท้าย หลังศาลฎีกาพิพากษาจำคุก “สองตายาย” คนละ 5 ปี หลังพยายามต่อสู้ทางกฎหมายมานานกว่า 7 ปี เมื่อวันที่2พ.ค.60

สำหรับคดีนี้มีนายอุดม ศิริสอน อายุ 53 ปี และนางแดง ศิริสอน สองสามีภรรยา ชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ ในฐานะจำเลย ทั้งสอง ถูกจับกุมในข้อหาบุกรุกแผ้วถางป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ 72 ไร่ เจ้าหน้าที่พบพยานหลักฐานตัดไม้สักและกระยาเลย กว่า 1,000 ต้น และยังครอบครองไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2553

ต่อมาวันที่ 26 กันยายน 2554 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 30 ปี แต่ผู้ต้องหาทั้งสองยอมรับสารภาพ ศาลจึงให้ความเมตตา ลดโทษเหลือระยะเวลา 15 ปี ในระหว่างถูกคุมตัวอยู่เรือนจำกาฬสินธุ์ “สองตายาย” พยายามร้องขอความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่และสังคม ว่าสิ่งที่ทำไม่ได้เข้าไปตัดไม้แต่อย่างใดเพียงแต่เข้าไปเก็บเห็ดป่าเท่านั้น…เพราะความจนทำให้สองตายายต้องออกหาของป่ามาประทังชีวิต และหารายได้จากการเก็บเห็ดในป่าไปขาย หวังหล่อเลี้ยงลมหายใจของสองตายายเท่านั้น แต่เรื่องกับตาลปัตรต้องกลายเป็น “ผู้ต้องหาแทน”

กระทั่งช่วงปี 2557 “สองตายาย” ขอประกันตัวต่อสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ พร้อมปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นผู้ตัดไม้ และวันเกิดเหตุเข้าไปเก็บเห็ดในป่าสงวนเท่านั้น พร้อมขอความเห็นจากตุลาการให้ลดโทษ ศาลจึงพิพากษาแก้โทษเป็น จำคุก 15 ปี เจ้าหน้าที่เรือนจำคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองเข้าเรือนจำตามคำตัดสิน

จากนั้นญาติได้ร้องเรียนกับสื่อมวลชน และเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้ ช่วยเหลือ โดยยื่นคำร้อง ต่อศาลฎีกาให้มีคำสั่งให้ ศาลชั้นต้นไต่สวนพยาน ประกอบการพิจารณา ขอปล่อยตัวชั่วคราว ระหว่างพิจารณาคดี ของศาลฎีกาต่อมาศาล ได้อนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราวจำเลยทั้งสองคน 

โดยศาลฎีกาได้นัดพิพากษาคดีเมื่อวันที่2พ.ค.2560 นายอุดม และนางแดง สองสามีภรรยาชาว จังหวัดกาฬสินธุ์ จำเลย พร้อมญาติ เดินทางเข้ารับฟังการอ่านคำพิพากษา ในชั้นฎีกา ที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ กระทั่งมีผลพิพากษาจากศาลฎีกาตัดสินให้สองตายายจำคุกคนละ 5 ปี ด้านจำเลยทั้งสองน้อมรับคำตัดสิน ภายหลังสิ้นคำพิพากษาแววตาทั้งสองตายายถูกเปลี่ยนเป็นความผิดหวังและความโศกเศร้าทันที

อย่างไรก็ตาม  หลังจากนี้สองตายายจะยังพยายามทุกวิถีทางเพื่อขอความเป็นธรรมให้ศาลเมตตารื้อฟื้นคดีอีกครั้ง แม้ต้องกลับไปใช้ชีวิตโลกหลังกำแพงก็ตามที เพราะนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ ได้เข้ามาช่วยเหลือพร้อมระบุว่า ได้เตรียมยื่นเอกสารหลักฐานใหม่เพื่อหวังให้ศาลสั่งรื้อฟื้นคดีใหม่

ดังที่ผ่านมา มีตัวอย่างทำให้สังคมและสองตายายรู้สึกมีโอกาสมีหนทางในการต่อสู้คดีอีกครั้ง จากคดีของครูจอมทรัพย์ ที่ต้องตกเป็นแพะรับบาปถูกแจ้งข้อหาขับรถชนคนตาย ทำให้ชีวิตของเธอพังทลายทุกอย่าง กระทั่งสังคมและผู้เกี่ยวข้องต่างยื่นมือเข้าช่วยเหลือครูจอมทรัพย์ ก่อนได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวได้มีโอกาสออกมาต่อสู้คดีแสดงความบริสุทธิ์ แม้ผลลัพธ์จะเป็นบวกหรือลบก็ตาม…