ขันน็อตจนท.รัฐรับมือน้ำเหนือไหลหลาก

พ่อเมืองกรุงเก่าจี้หน่วยงานรัฐทำงานเชิงรุกในการประเมินปริมาณน้ำจากภาคเหนือที่จะไหลมาในพื้นที่

นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.จ.พระนครศรีอยุธยา  กล่าวว่า ได้สั่งการหน่วยงานที่รับผิดชอบในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเกี่ยวกับปัญหาอุทกภัย ว่าต้องเพิ่มความเข้มและความละเอียดในการทำงานโดยเฉพาะประเด็นการตรวจสอบปริมาณ เพราะปัจจุบันมีการทำงานเพียงตรวจสอบระดับปริมาณน้ำที่สถานีตรวจวัดน้ำหรือที่หน้าประตูระบายน้ำว่าทีระดับเท่าใดซึ่งพอทราบตัวเลขก็น้ำท่วมไปแล้ว

จ.พระนครศรีอยุธยา

ดังนั้น การทำงานต้องปรับเป็นการทำงานเชิงรุกโดยนำตัวเลขการปล่อยน้ำใต้เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ว่าปล่อยเท่าใดและประมาณฝนที่ตกใต้เขื่อนเจ้าพระยาในจังหวัด ชัยนาท สิงห์บุรีและอ่างทอง มีปริมาณฝนตกเท่าใด และนำมารวมกันเพื่อประเมินปริมาณน้ำทั้งหมดที่จะไหลมาพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา  และจะใช้ระยะเลาการไหลมาถึงจังหวัดกี่วันกี่ชั่วโมง รวมถึงนำตัวเลขระดับน้ำทะเลหนุนมาประกอบอีก

ทั้งนี้ เพื่อนำมาประกาศแจ้งเตือนชาวบ้านให้เตรียมความพร้อม ขณะเดียวกันต้องติดตามประมาณน้ำในภาคเหนือด้วยเช่นกัน ส่วนในประเด็นที่ประชาชนวิตกกังวลว่าจังหวัดติดแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ใต้เขื่อนเจ้าพระยาแต่อยู่เหนือจ.พระนครศรีอยุธยา ได้จัดทำคันดินและแนวเขื่อนถาวรขนาบสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อป้องกันน้ำท่วมตลอดแนวแม่น้ำ และน้ำเหนือหลากมาน้ำทั้งหมดก็จะไหลตรงมากองที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพราะเป็นที่ลุ่มต่ำกว่า ในประเด็นนี้ก็น่าคิด

และก็เป็นวิธีการของแต่ละจังหวัดในการผลัดดันน้ำให้พ้นจังหวัด แต่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ผลักน้ำลงด้านล่างไม่ได้ เพราะเป็นกรุงเทพ คนในจ.พระนครศรีอยุธยาก็ต้องรับกรรมทุกปีเพราะน้ำเหนือมาที่ไรก็มีการผลักดันน้ำเข้าทุ่งอยุธยา และก็ไม่มีอะไรมาชดเชยช่วยเหลือเท่ากับความเสียหายของชาวบ้านที่เกิดขึ้นหากเป็นแบบนี้ทุกปีก็น่าเห็นใจชาวบ้านและชาวไร่ชาวนา

"ขณะนี้น้ำท่วมในพื้นที่มาจาก 2ด้าน คือน้ำเหนือหลากท่วมชุมชนติดแม่น้ำลำคลอง และอีกด้านหนึ่งคือฝนตกหนักในพื้นที่ ทำให้น้ำท่วมในทุ่งนา และไม่สามารถระบายน้ำจากทุ่งนาลงแม่น้ำลำคลองได้เพราะระดับน้ำสูง ทำให้น้ำฝนท่วมในนาข้าว ซึ่งกำลังจะเก็บเกี่ยวข้าวนาปรับ เช่นในเขต อ.ผักไห่ จึงให้อำเภอและท้องถิ่นรวมถึงชลประทานเร่งให้การช่วยเหลือติดตั้งเครื่องสูบน้ำออกจากนาเพื่อป้องกันต้นข้าวที่กำลังจะเก็บเกี่ยวจมน้ำฝน"นายวิทยา กล่าว