posttoday

เชียงใหม่ออกประกาศ4ฉบับกำหนดจุดปล่อยโคมลอย-โคมไฟ

07 ตุลาคม 2559

เชียงใหม่-เชียงใหม่ออกประกาศ4ฉบับกำหนดช่วงเวลาปล่อยโคมลอย-โคมไฟในช่วงเทศกาลสำคัญ จะจุดหรือปล่อยต้องได้รับอนุญาตจากนายอำเภอก่อนทุกครั้ง

เชียงใหม่-เชียงใหม่ออกประกาศ4ฉบับกำหนดช่วงเวลาปล่อยโคมลอย-โคมไฟในช่วงเทศกาลสำคัญ จะจุดหรือปล่อยต้องได้รับอนุญาตจากนายอำเภอก่อนทุกครั้ง

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมกรมการจังหวัดและสภาวัฒนธรรมจังหวัด เพื่อพิจารณาออกประกาศจังหวัดเชียงใหม่4ฉบับเกี่ยวกับมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการจุดและปล่อยปั้งไฟ พลุ ตะไล โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายกัน ซึ่งเป็นไปตามการออกคำสั่ง คสช.ที่ 27/2559 เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) 2557

ทั้งนี้ในที่ประชุมมีมติร่วมกันกำหนดจุดปล่อยโคมทุกประเภทไว้ 4 หัวข้อ ได้แก่ การปล่อยโคมลอยหรือโคมควัน ให้ปล่อยได้ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 หรือวันกระทงเล็กของเชียงใหม่ โดยปล่อยได้ในระหว่างเวลา 10.00 น.ถึงเวลา 12.00 น. เพียงวันเดียวเท่านั้น

ส่วนโคมอีกประเภทที่เรียกว่า โคมลอยหรือโคมไฟ คือโคมที่ต้องจุดไฟในโคมแล้วปล่อยลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ในประกาศอนุญาตให้ปล่อยได้ 3 วัน วันแรกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 หรือวันกระทงเล็ก วันที่ 2 วันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 หรือวันกระทงใหญ่ และวันที่ 3 ที่อนุญาตให้ปล่อยคือ วันที่ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ วันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี โดยทั้ง 3 วันที่อนุญาตให้ปล่อยโคมลอยหรือโคมไฟนี้ ปล่อยได้ระหว่างเวลา 19.00 น. ถึงเวลา 01.00 น. เท่านั้น

“ส่วนโคมที่จะปล่อยได้ต้องให้ได้มาตรฐาน มผช.808/2552 ตัวโคมต้องมีขนาดไม่เกิน 1 ลบ.ม. มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 90 ซม.สูงไม่เกิน 140ซม. และทำจากวัสดุธรรมชาติ ในส่วนที่เป็นเชื้อเพลิงให้ทำจากกระดาษชุบเทียนขี้ผึ้งหรือพาราฟิน น้ำหนักไม่เกิน 55 กรัม มีระยะเวลาในการเผาไหม้ไม่เกิน 8 นาที ส่วนโคมควันที่จะปล่อยได้ต้องทำจากกระดาษว่าวขนาดไม่เกิน 72 แผ่น ปากโคมมีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 60 ซม. และให้หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษสีเดียวกับท้องฟ้า เช่น สีฟ้า สีขาว หรือสีเทา” นายพุฒิพงศ์ กล่าว

สำหรับประกาศฉบับที่เกี่ยวกับการจุดหรือปล่อยปั้งไฟ มีกำหนดให้ปล่อยได้ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนกรกฎาคมเท่านั้น แต่ละหมู่บ้านให้จุดและปล่อยได้แค่ 1 วันต่อปี โดยหมู่บ้านใดไม่เคยจัดให้มีการปล่อยปั้งไฟมาก่อนที่จะมีประกาศนี้ ห้ามจัดให้มีการปล่อยปั้งไฟเป็นอันขาด และกำหนดให้จุด และปล่อยได้ระหว่างเวลา 13.00 น.ถึงเวลา 17.00 น.เท่านั้น ส่วนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางต้องไม่เกิน 3.5 นิ้ว ยาวไม่เกิน 280 ซม.

ส่วนประกาศฉบับที่เกี่ยวกับการจุดและปล่อยพลุ อนุญาตให้จุดและปล่อยได้ในงานพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพร วันลอยกระทงทั้งวันขึ้น 15 ค่ำและวันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ วันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปี โดยอนุญาตให้จุดและปล่อยได้ระหว่างเวลา 19.00 น. ถึงเวลา 01.00 น.

นอกจากนี้ ยังกำหนดให้จุดและปล่อยได้ในงานอวมงคล งานบวช งานขึ้นบ้านใหม่ งานแต่งงาน งานแข่งขันกีฬา หรืองานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่เคยมีประวัติในการจุดและปล่อยพลุมาก่อน พร้อมกับกำหนดขนาดของพลุไว้ที่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อไม่เกิน 12 นิ้ว และจุดปล่อยได้ไม่เกิน 500 นัดต่อวัน ยกเว้นการจุดพลุในวันจุดเทียนชัยถวายพระพร ส่วนประกาศฉบับที่เกี่ยวกับการจุดและปล่อยตะไล กำหนดให้จุดและปล่อยได้ในงานอวมงคลเท่านั้น โดยกำหนดขนาดกระบอกของตะไลไม่เกิน 1.5 นิ้ว และเส้นผ่านศูนย์กลางของตะไลไม่เกิน 12 นิ้ว ปล่อยได้ไม่เกิน 40 วงต่อ 1 ใบอนุญาต ส่วนวัสดุที่นำมาผลิตต้องเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบาและไม่มีส่วนผสมของโลหะ ทั้งนี้การจะจุดและปล่อยปั้งไฟ พลุ ตะไล โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายกัน ต้องได้รับอนุญาตจากนายอำเภอในพื้นที่ก่อนจึงจะจุดหรือปล่อยได้.