posttoday

"สุขุมพันธุ์" โต้สตง.กรณีไฟ 39 ล้านขู่ฟ้องกลับ

04 พฤษภาคม 2559

สุขุมพันธุ์ ยืนยันโครงการไฟประดับกทม. วงเงินกว่า 39 ล้านบาท มีความโปร่งใส ใช้อำนาจกระตุ้นท่องเที่ยว ซัดสตง.รีบสรุปเอาผิดกทม. ขู่ฟ้องกลับ

สุขุมพันธุ์ ยืนยันโครงการไฟประดับกทม. วงเงินกว่า 39 ล้านบาท มีความโปร่งใส ใช้อำนาจกระตุ้นท่องเที่ยว ซัดสตง.รีบสรุปเอาผิดกทม. ขู่ฟ้องกลับ

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เปิดแถลงข่าวที่ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ประกาศหากมีใครกล่าวหาว่าตนเองเป็นผู้ผิดจากกรณีโครงการไฟประดับ 39 ล้านบาท จะดำเนินการฟ้องร้องทางกม.ทันที  พร้อมยืนยันสิ่งที่ได้ดำเนินการไปถูกต้องแล้ว พร้อมแสดงความแปลกใจสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)สรุปว่าตัวเขาผิดมาตั้งแต่เริ่มแรกของการตรวจสอบด้วยซ้ำ

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  กล่าวว่า ขอเรียนให้ทราบว่ามติเมื่อวานนี้(มติ สตง.3 พค.59) เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการที่ต้องดำเนินต่อไป ยังไม่มีใครผิดใครถูกตามกฎหมาย ใครเขียนแบบนั้น ต้องระวังเรื่องกฎหมาย ซึ่งต่อจากนี้ไปผมจะไม่ไว้หน้า ถ้าใครบอกว่าผมผิด ผมจะฟ้องดำเนินคดี โดยขณะนี้ผมอยู่ระหว่างการปรึกษาคณะกฎหมาย ว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง ไม่ใช่เพื่อตัวผม เพราะผมอยู่ตรงนี้ รู้อัตราความเสี่ยงดี แต่ผมเป็นห่วงลูกน้อง ลูกน้องผมจะต้องได้รับความเป็นธรรม และผมจะไม่ยอม หากใครเขียนว่าลูกน้องผมผิด ผมจะให้ฟ้องทันที ดังนั้นขอความเป็นธรรมด้วย ถ้าไม่ชอบหน้าผมก็ขอแค่ให้ความเป็นธรรม

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่า นโยบายในการสร้างมหานครแห่งความสุข และมหานครแห่งโอกาสนั้นเป็นนโยบายที่ถูกต้อง ซึ่งในช่วงเวลาก่อนเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่มีเหตุการณ์ซึ่งส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของไทย จึงมองว่าถึงเวลาที่ต้องหาวิธีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและส่งเสริมให้ มีการสร้างรายได้ในระดับรากหญ้า แต่กระบวนการงบประมาณปี 2559ของกทม. ได้ดำเนินการไปเกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว โดยการพิจารณางบด้านการท่องเที่ยว ถูกตัดทอนลง เหลือเพียง 50ล้านบาท จากการขอจัดสรรไปประมาณไปจำนวน 241ล้าน บาท ดังนั้นในฐานะผู้บริหารกทม.จึงต้องคิดว่า จะทำอย่างไรเพื่อหาแนวทางในการส่งเสริมการท่องเที่ยว จึงเป็นที่มาของโครงการดังกล่าว ซึ่งยืนยันว่าไม่ใช่โครงการที่พึ่งคิดจะดำเนินการ แต่เป็นโครงการที่วางแผนการทำงานมาหลายปีแล้ว แต่ยังไม่ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดำเนินการ แต่เมื่อถึงเวลา และงบการท่องเที่ยวมีไม่เพียงพอ จึงได้ใช้อำนาจของตนในการจัดสรรงบประมาณดำเนินโครงการ

“สตง.ถือเป็นองค์กรที่มีความสำคัญมากในการดูแลการใช้จ่ายเงินของภาครัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งได้ให้ความสนใจในโครงการดังกล่าวที่มีมูลค่าตามโครงการตามทีโออาร์ 39ล้านบาท และเป็นงานขององค์กรระดับท้องถิ่น ในขณะที่สตง.มีงานอื่นๆมากมายในการดูแลหน่วยงานของรัฐถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งในช่วงเวลาตลอดระยะ 7ปี ที่ผ่านมา กทม.ทำงานอย่างโปร่งใส ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบ ซึ่งตนได้ย้ำการทำงานมาโดยตลอด และไม่เคยสั่งให้ใครทำอะไรที่ผิดต่อกฎหมายแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นสิ่งที่สตง.ได้ทำ ในการตรวจสอบ ก็สอดคล้องกับการทำงานบริหารราชการกรุงเทพมหานคร ที่ผมได้ยึดมั่นมาตลอดเป็นเวลากว่า 7ปี”ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการไฟประดับประสบผลสำเร็จหรือไม่นั้น ตั้งแต่ดำเนินการมา มีผู้เข้าชมงานจำนวนกว่า1,670,000คน ซึ่งงบประมาณที่ใช้ดำเนินการ หารเฉลี่ย ก็จะตกหัวละกว่า 20บาท อีกทั้งตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการ 33วัน มีชาวต่างชาติมาเที่ยวชมจำนวนมาก มีการใช้จ่ายเงินในพื้นที่จัดงานกว่า10ล้าน บาท และยังสร้างรายได้ให้แก่ร้านค้าต่างๆในพื้นที่โดยรอบอีกด้วย จึงไม่รู้ว่ารูปแบบดังกล่าวถือว่าประสบผลสำเร็จหรือไม่ อีกทั้งโครงการดังกล่าวถือว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่กทม. จัดสรรงบประมาณเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ยังมีโครงการที่ดำเนินการมาแล้วมากมาย เช่นการจัดส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งใช้งบประมาณดำเนินการไปกว่า 20ล้านบาท

ดังนั้นงานไฟประดับจึงไม่ใช้ครั้งแรกที่เป็นงานใช้งบประมาณส่งเสริมการท่องเที่ยว และจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ซึ่งตามความคิดเห็นของตนนั้น นโยบายดังกล่าวถือเป็นนโยบายที่ถูกต้อง และหากสตง.มีปัญหาในการดำเนินโครงการควรจะให้คำแนะนำตั้งแต่ต้น เพราะเป็นหน้าที่ของสตง.ในการให้คำแนะนำด้านการใช้งบประมาณแต่ก็ไม่เห็นสตง.ดำเนินการแต่อย่างใด

ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ กล่าวต่ออีกว่า  ได้พูดมาตั้งแต่ต้นว่า กทม.ได้ร่วมมือกับสตง.มาโดยตลอด ร่วมมือตั้งแต่การดำเนินโครงการยังไม่เสร็จสิ้น โดยสตง.ขอข้อมูลใดๆ กทม.พร้อมให้อย่างเต็มที่ และที่สตง.กล่าวหาว่า ตนไม่ให้ความร่วมมือในการชี้แจงข้อมูลนั้น เพราะได้มอบหมายให้รองผู้ว่าฯกทม.ไปทำหน้าที่ชี้แจงแทนนั้นส่วนตัวกลับเห็นว่าเป็นเรื่องปกติอย่างบมากในการที่จะส่งรองผู้ว่าฯกทม.ที่กำกับงานตรวนนั้นโดยตรงไปชี้แจง เนื่องจากจะเป็นผู้ที่รู้ถึงโครงการดีที่สุด ดังนั้นการจะมากล่าวหาว่ากทม.ไม่ร่วมมือนั้นไม่ได้

“ที่สำคัญโครงการไฟประดับดังกล่าว ตั้งแต่เริ่มทำงาน และยังดำเนินโครงการไม่เสร็จสิ้น แต่สตง.กับระบุว่ากทม.กระทำผิดแล้ว ถือเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจอยู่มาก ซึ่งก็ไม่ทราบว่าวิธีปฏิบัติดังกล่าวนั้น เป็นวิธีปฏิบัติที่จะใช้ต่อไป หรือนำมาใช้กับกทม.เพียงเท่านั้น ซึ่งก็หวังว่า สตง.จะใช้วิธีปฏิบัติดังกล่าวกับหน่วยงานอื่นด้วยเช่นกัน”ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าว

ต่อข้อถามที่ว่ามีบุคคลจากพรรคประชาธิปัตย์ออกมาร้องเรียนการทำงาน ของกทม.นั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า บุคคลที่ออกมาไม่ใช้มติของพรรค ตนดำรงตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีการเชิญประชุมหรือการลงมติ ดังนั้นตนถือว่าไม่เป็นมติของพรรค

เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้มีการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44เพื่อดำเนินการกับผู้ว่าฯกทม.นั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า "ผมคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ชอบมาตรา 44เสีย อีก ผมอาจจะเข้าใจผิดก็เป็นได้ และสำหรับอนาคตทางการเมืองของผม ผมก็จะทำงานต่อไป และหากหมดวาระการทำงาน ก็ขอพักผ่อน โดยขณะนี้ผมมีอยู่พรรคเดียว คือพักผ่อนเท่านั้น"