posttoday

นร.-นศ.เชียงรายมอบตัวคดีฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน

21 กรกฎาคม 2553

นักเรียน นักศึกษา ใน จ.เชียงราย 5 คน เข้าพบ ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย หลังจากเดินถือป้ายและชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไปฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน

นักเรียน นักศึกษา ใน จ.เชียงราย 5 คน เข้าพบ ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย หลังจากเดินถือป้ายและชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไปฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน

นาย ธนิต บุญญนสินีเกษม กลุ่มพลังมวลชนเชียงราย พร้อมด้วยนาย กิตติพงษ์ นาคะเกศ อายุ 24 ปี และนาย นิติเมธพนฎ์ เมืองมูลกุลดี อายุ 23 ปี นักศึกษาปี 3 สำนักวิชากฎหมาย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มรช.) และนายบอย (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 จากโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย เข้าไปรายงานตัวต่อ พ.ต.ท. บัญญัติ ทำทอง รอง ผกก.สส.สภ.เมืองเชียงราย ตามหมายเรียกของ สภ.เมืองเชียงราย ในข้อหา ชุมนุมหรือมั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปหรือกระทำการใดอัน เป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย
 
ทั้งนี้ ภายในเขตพื้นที่ที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบประกาศกำหนด,ร่วมกันเสนอข่าว,ทำให้แพร่ หลายซึ่งสิ่งพิมพ์หรือสิ่งอื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวหรือ เจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนกระทบต่อ ความมั่นคงของรัฐหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของ ประชาชน
 
ทั้งนี้ ในเวลาต่อมาช่วงค่ำวันเดียวกัน  นาย สาธิต เสนสกุล อายุ 19 ปี กับ นาย เอกพันธ์ ทาบรรหาร อายุ 19 ปี นักศึกษา ปี 3 คณะนิติศาสตร์ ม.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ได้เข้ามอบตัวเพิ่มในข้อหาเดียวกัน และทั้งหมดให้การปฏิเสธ ว่าไม่ทราบว่าการเดินถือป้ายรณรงค์เป็นการทำผิดกฎหมาย และจะไม่ทำอีก ตำรวจจึงปล่อยตัวไป
 
 พ.ต.ท.บัญญัติ กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ก.ค.53 ที่ผ่านมา นักศึกษาทั้งหมด 5 คน ได้พากันนำป้ายระบุข้อความต่างๆ เช่น นายกครับอย่าเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินนะไม่งั้นรัฐบาลพัง,ผมเห็นคนตายที่ราชประสงค์ ,พ.ร.ก.ฉุกเฉินมีไว้เพื่อไม่ให้ความจริงปรากฏ และอีกหลายข้อความ ไปยืนถือป้ายดังกล่าวอยู่บริเวณหอนาฬิกาเก่า สามแยกโรงรับจำนำ ตลาดสดเทศบาลนครเชียงราย จากนั้นไปยืนถือป้ายที่บริเวณทางขึ้นศาลากลางจังหวัดเชียงราย  
 
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเห็นว่าเป็นการกระทำความผิดเพราะ จ.เชียงราย ยังประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่สามรถชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป  จึงทำการสืบสวนจนทราบตัวและได้ออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา โดยผลการสืบสวน และทราบว่ามีการติดต่อนัดแนะไปชุมนุมถือป้ายทางอินเตอร์เน็ตผ่าน โปรแกรมฮิต  face book จึงเชื่อมโยงไปถึง นาย ธนิต บุญญนสนีเกษม  ซึ่งทราบว่าในวันเกิดเหตุมายืนอยู่ใกล้ๆด้วย ซึ่งทางตำรวจไม่ได้กลั่นแกล้งใครทำตามหน้าที่และให้ความเป็นธรรมทุกคน ซึ่งข้อหานี้มีโทษจำคุก 2 ปีและปรับไม่เกิน 20,000 บาท
 
 ขณะเดียวกันได้มีเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.)ได้เดินทางไปพบกับผู้ถูกกล่าว โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง(ขอสงวนชื่อ)ได้เปิดเผยว่าในการเดินทางมาครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ กสม.จะไปเยี่ยมและสอบปากคำผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีการเมืองจากเหตุการณ์เดือน เม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา โดยได้เดินทางไปในหลายแห่งทั้งเรือนจำกลาง จ.เชียงใหม่ และจะไปเรือนจำกลาง จ.เชียงราย และกรณีที่ จ.เชียงราย นี้มีเยาวชนนักเรียนนักศึกษาที่ไปถือป้ายถูกหมายเรียกจากตำรวจจึงได้มาตรวจสอบและสอบปากกคำนักศึกษา
 
อย่างไรก็ตามการถือป้ายข้อความลักษณะดังกล่าวเป็นสิทธิเสรีภาพในการคิด ของพวกเขา เด็กเพียงแค่ 16 ปีก็มีความคิดได้เช่นกัน ซึ่งข้อความก็ไม่ได้มุ่งโจมตีรัฐบาลแต่อย่างใด ดังนั้นจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดนำเสนอต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อดำเนินการช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาทั้ง 5 คนต่อไป
 
พล.ต.ต. ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.จ.เชียงราย กล่าวว่า คดีนี้ตำรวจทำตามหน้าที่ เพราะ นักเรียนทำผิดกฎหมาย และไม่ได้กลั่นแกล้งใคร แต่มีเยาวชนเพียง 1 คน ซึ่งจะให้การสอบสวนอย่างเป็นธรรม และให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะ จ.เชียงราย อยู่ใต้ พรก.ฉุกเฉิน
 
ด้านพ.ต.อ. มงคล สัมภวะผล ผกก.สภ.เมืองเชียงราย กล่าวว่า เบื้องต้นนักเรียน นักศึกษาทั้งหมด ไม่ให้การซัดทอดใคร แต่ตำรวจสงสัยว่าอาจจะมีผู้อยู่เบื้องหลังการชักพาให้มาดำเนินการลักษณะนี้ก็ได้ แต่กำลังสืบสวนอยู่  ส่วน แกนนำกลุ่มพลังมวลชนเชียงราย  หรือ เสื้อแดง ทราบว่า มีคดีเกี่ยวกับการเมืองหลายคดี  และขณะนี้ พ.ต.ท. บัญญัติ ทำทอง รอง รอง ผผก.สส.สภ.เมืองเชียงราย  ตำรวจยังติดตามการโพสต์ข้อความผ่าน โปรแกรม Face Book ของ นายธนิต ด้วย หลังจากมีข้อความหมิ่นเหม่พาดพิงการทำงาน ของตำรวจเชียงราย   สำหรับจังหวัดเชียงราย ยังอยู่ใต้ พรก.ฉุกเฉิน