posttoday

"สุสานวัดพนัญเชิง" พรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร?

25 ตุลาคม 2558

วันนี้จะมาเท้าความให้ฟังถึงความขัดแย้งที่วัดพนัญเชิง อันมีสาเหตุมาจากการบริหารจัดการที่ดินของวัด

เรื่อง...ขุนอิน  / ภาพ...เฟซบุ๊กคัดค้านรื้อสุสานวัดพนัญเชิง

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ใครที่แวะไปไหว้พระที่วัดพนัญเชิงวรมหาวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา คงงุนงงสงสัยกับป้ายประกาศขนาดมหึมาของทางวัดและป้ายประท้วงของทางมูลนิธิวัดพนัญเชิงเกี่ยวกับเรื่องสุสานสาธารณะ หรือฮวงซุ้ย คำถามที่เกิดขึ้นคือ พวกเขาทะเลาะอะไรกัน?

วันนี้จะมาเท้าความให้ฟังถึงความขัดแย้งที่วัดพนัญเชิง อันมีสาเหตุมาจากการบริหารจัดการที่ดินของวัด

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2556 วัดพนัญเชิงมีโครงการปรับสภาพภูมิทัศน์ พร้อมประกาศจะใช้พื้นที่บริเวณที่ฝังศพในสุสานสาธารณะในการสร้างอาคารปฏิบัติธรรม อาคารอาพาธสงฆ์ และสถานที่จอดรถแห่งใหม่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่จะเดินทางเข้ามาหลังเปิดประชาคมอาเซียนในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยมีหนังสือแจ้งไปยังมูลนิธิวัดพนัญเชิง (เซียง เต็ก ตึ๊ง) ผู้ดูแลสุสานสาธารณะให้ย้ายหลุมศพกว่า 1,667 หลุม ออกจากที่ดินภายในวันที่ 1 ส.ค. 2557

เท่านั้นล่ะ เลยกลายเป็นเรื่อง วินัย อัศวราชันย์ ประธานมูลนิธิวัดพนัญเชิงวรวิหาร ได้ออกมาคัดค้านการย้ายหลุมศพ โดยให้เหตุผลว่าการย้ายหลุมศพที่ฝังบรรพบุรุษจะกระทบกระเทือนจิตใจของลูกหลาน ขณะเดียวกันลูกหลานของบรรพบุรุษจำนวนมากออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย และยืนกรานไม่ยอมให้ขุดอย่างเด็ดขาด โดยบอกว่าไม่เป็นธรรม เพราะจ่ายเงินบริจาคบำรุงสุสานให้กับมูลนิธิไปแล้ว ราคาหลุมละกว่า 1 แสนบาท

ถึงบรรทัดนี้ ขอย้อนประวัติที่ดินสุสานของวัดพนัญเชิงกันสักนิดนึง เดิมทีที่ดินผืนดังกล่าวเคยเป็นที่ดินรกร้างของวัดขอมซึ่งมีสถานะเป็นวัดร้าง ก่อนจะมีการยกที่ดินผืนนี้ให้วัดพนัญเชิง เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2495 โดยกำหนดวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นสุสานสาธารณกุศล

ปี 2501 ทางวัดได้จัดตั้งมูลนิธิวัดพนัญเชิงขึ้นมาบริหารจัดการสุสาน โดยมีไวยาวัจกรของวัดเป็นประธานมูลนิธิ และมีเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงเป็นที่ปรึกษา แต่ต่อมาพระโบราณคณิสสร เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงขณะนั้นมรณภาพลง มีการเลือกคณะกรรมการมูลนิธิชุดใหม่ กลับกลายเป็นว่าไม่มีผู้แทนจากวัดร่วมเป็นกรรมการด้วยอีกเลยจนถึงปัจจุบัน กระทั่งมูลนิธิเริ่มมีการเรียกเก็บค่าเงินบริจาคบำรุงสุสาน โดยที่ทางวัดไม่มีส่วนรู้เห็น

พระเทพรัตนากร (นพปฏล กตสาโร) เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร และเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก เนื่องจากทุกอย่างเป็นของวัดทั้งหมด ทั้งชื่อมูลนิธิ สถานที่ตั้ง ที่ดินที่ใช้ประโยชน์ แต่เหตุใดกลับไม่มีกรรมการที่เป็นคนของวัดเลยสักคน แล้วแบบนี้จะเป็นมูลนิธิวัดพนัญเชิงได้อย่างไร ทั้งหมดจึงนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดี เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2557 คดีหมายเลขดำที่ 985/2557 ระหว่างวัดพนัญเชิงวรวิหาร (โจทย์) กับมูลนิธิวัดพนัญเชิง (เซียง เต็ก ตึ๊ง) (จำเลย)

ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2558 ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ศาลชั้นต้น) ได้มีคำพิพากษาให้ทั้งสอง คือ 1.ให้จำเลยออกจากที่ดินพิพาท ให้รื้อถอนอาคารสำนักงานของจำเลย บ้านพักคนงาน และคนงานออกไปจากที่ดินพิพาท และห้ามจำเลยไม่ให้รบกวนสิทธิครอบครองที่ดินของโจทก์ 2.ศาลาบำเพ็ญกุศล สร้างก่อนจัดตั้งมูลนิธิจึงไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างของจำเลย ไม่ต้องรื้อ 3.ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 400 บาทจนกว่าจะรื้อสำนักงานของจำเลยและบ้านพักคนงานออกไปจากที่ดินโจทก์ 4.ฮวงซุ้ยและศพ เป็นของทายาทลูกหลาน ซึ่งเข้าฝังศพโดยเปิดเผยสุจริตตามเจตนาให้ทำสุสานสาธารณะของโจทก์ ไม่ต้องรื้อถอนออกจากที่ดินพิพาท และ 5.ห้ามโจทก์ดำเนินโครงการที่มีวัตถุประสงค์ขัดกับวัตถุประสงค์ของสุสานสาธารณกุศล

อย่างไรก็ดี คำพิพากษาของศาลชั้นต้นยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด ทั้งสองฝ่ายอาจใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายของตนได้ภายใน 30 วัน คงต้องติดตามรอดู