แจงหลวงตาจันทร์กระดูกแขนแตกเพราะหกล้มไม่ได้ถูกเสือกัด

แพทย์แถลงอาการ "หลวงตาจันทร์" ปลอดภัยแล้ว เผยกระดูกแขนแตกเพราะหกล้มไม่ได้ถูกเสือกัด ลูกศิษย์โต้ไม่ได้ถูกตะปบ

จากกรณีเมื่อวันที่ 23 พ.ค. พระวิสุทธิสารเถร หรือ หลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาสวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และประธานมูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัวฯ หลังจากประสบเหตุถูกเสือโคร่งขนาดใหญ่ เพศผู้ ชื่อ เหินฟ้า อายุระหว่าง 7-8 ปี กัดที่แขน ทำให้กระดูกแตก ส่วนใบหน้าถูกเล็บตะปบเป็นบาดแผลและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลธนกาญจน์นั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 พ.ค. เวลา 13.00 น. พ.ต.อ.ศุภิฏพงศ์ ภักดิ์จรุง รองประธานมูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัวฯ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ขณะเกิดเหตุไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ พอทราบข่าวก็ได้รีบเดินทางกลับไปยังวัดดังกล่าว โดยได้สอบถามผู้ที่อยู่ในวัดก็ได้ข้อมูลมาไม่ตรงกัน บางกระแสบอกว่าตกบันไดวัดและไม่มีใครยืนยันได้ว่าเจ้าอาวาสวัดถูกเสือตะปบ

ด้าน กำนันสุภาพ กอฟัก ลูกศิษย์คนสนิท ผู้ดูแลเสือหลวงตาบัว และมาเฝ้าดูอาการตลอดทั้งคืน เปิดเผยว่า เจ้าอาวาสตกจากบันไดไม่ได้ถูกเสือตะปบตามที่ได้เป็นข่าว ส่วนอาการหลวงพ่อล่าสุดขณะนี้แพทย์ได้ผ่าตัดข้อมือขวาเป็นที่เรียบร้อย ห่วงอย่างเดียวก็คือโรคหัวใจที่เป็นโรคประจำตัวมานาน เพราะหกล้มค่อนข้างรุนแรง

ส่วนอาการอย่างอื่นเป็นปกติแล้วทุกอย่าง สามารถเดินเองและฉันอาหารได้พูดคุยตามปกติ ท่านฝากลูกศิษย์และประชาชน ไม่ต้องเป็นห่วง คาดว่าจะกลับวัดได้ภายใน 1-2 วันนี้ ขณะนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์ในห้องปลอดเชื้อ

ขณะที่ นพ.สหเทพ สว่างเนตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธนกาญจน์ ระบุว่า ขณะนี้อาการของหลวงพ่อดีขึ้นมาก สามารถฉันภัตตาหารได้แล้ว ส่วนกระดูกแขนขวาแตกและฟันหัก ไม่ได้เกิดจากการถูกเสือกัด แต่เป็นแรงกระแทกจากการลื่นล้ม ส่วนเจ้าเหินฟ้า เสือตัวดังกล่าว ทางคณะกรรมการวัดป่ายังดูแลอยู่ที่วัดตามปกติ

"ก่อนเกิดเหตุหลวงตาจันทร์ได้เดินจูงเสือโคร่งชื่อเหินฟ้า ซึ่งเป็นเสือที่เลี้ยงมาแต่เล็กๆ โดยขณะที่กำลังเดินจูงเสืออยู่นั้นหลวงตาเกิดเสียหลักหกล้ม มือที่จับเชือกจูงเสือจึงเหมือนกระชากไปที่คอเสือ ทำให้เสือตกใจ จึงแว้งตะปบเข้าที่บริเวณใบหน้าและไหล่ ส่วนสาเหตุแขนขวาหักเกิดจากล้มกระแทกพื้น ซึ่งขณะนี้แพทย์ได้ทำการปฐมพยาบาลจนกระดูกเข้าที่แล้ว ส่วนที่มีเลือดไหลออกมามาก ด้วยเหตุที่ว่าหลวงตาได้ฉันยารักษาโรคหัวใจเป็นประจำทุกวัน เมื่อมีบาดแผลเกิดขึ้น ตัวยาที่สลายลิ่มเลือดจึงทำให้เลือดจับตัวแข็งช้า เป็นเหตุให้เลือดออกมาก อย่างไรก็ตามขณะนี้หลวงตาคงต้องพักฟื้นระยะหนึ่ง แต่ก็ปลอดภัยดีทุกอย่าง"ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธนกาญจน์กล่าว