posttoday

ขี่ม้าลาดตระเวน กลยุทธ์เข้าหามวลชนที่สายบุรี

25 มีนาคม 2558

ทหารพรานปรับกลยุทธใช้ม้าเป็นพาหนะลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยและเข้าหามวลชนสร้างสีสันให้พื้นที่

อับดุลเลาะ เบญญากาศ

จากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เกิดมาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีท่าที่จะยุติลงได้ ถึงแม้วันนี้จะมีหลายฝ่ายออกมายอมรับว่าเหตุการณ์มีท่าทีหลดน้อยลง แต่เจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ยังคงต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นเป็นพิเศษ หลังจากที่ผู้ก่อความไม่สงบเลือกเป้าหมายเจ้าหน้าที่มากยิ่งขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเลือกออกลาดตระเวนโดยการใช้กลยุทธเดินเท้ามากกว่าใช้รถยนต์ในการลาดตระเวน ทั้งนี้เพื่อลดความสูญเสียเป็นหมู่คณะ แต่เนื่องจากบางพื้นที่ที่ต้องรับผิดชอบมีเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร การเดินเท้าอาจทำให้ต้องใช้เวลานาน ในการเข้าถึงพื้นที่

ล่าสุดร้อย ร.ทหารพราน 4409 ตั้งฐานอยู่ที่บ้านบน ต.ปาเสยาวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี นำโดย ร.ต.สมชัย ศรีพรหม ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 4409 ที่ได้ปิ้งไอเดียให้ทหารในสังกัดทั้งชาย หญิง ใช้ม้าเป็นพาหนะในการลาดตระเวนรักษาความปลอดภัย และเข้าหามวลชน ด้วยการควบม้า สามารถสร้างสีสันให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่ชุดนี้ลงพื้นที่หมู่บ้าน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะให้ความสนใจเป็นพิเศษ บางครั้งชาวบ้านจะเอาหญ้า หรือ อาหารมาให้ม้ากินเพื่อสร้างความสนิทสนมกับม้า หลายโอกาส ที่จะมีเยาวชนในพื้นที่เป้าหมาย ให้ความสนใจขอขี่ม้า นับเป็นการสร้างสีสันที่กระชับ ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานกับชาวบ้านได้เป็นอย่างดีได้อีกทางนหนึ่ง

 

ขี่ม้าลาดตระเวน กลยุทธ์เข้าหามวลชนที่สายบุรี


ร.ต.สมชัย ศรีพรม ผบ.ร้อย ทพ.4409 กล่าวว่า จากต้นทุนที่ พ่อแม่เป็นชาวนา ที่บ้านจะเลี้ยงม้าไว้ ข้นข้าวเปลือก แต่ เมื่อมีโอกาสได้มาอยู่ที่นี้ ก็ได้คิดมาประยุกต์กับงานที่ทำ จึงเก็บเงินมาก้อนหนึ่ง ประมาณ 2เดือนที่ผ่านมา เงินไม่พอก็ได้นำรถจักรยายนต์ไปขายรวบรวมแล้วได้ประมาณ 2แสนกว่าบาท ได้ม้า 4ตัว ๆเมีย 2 ตัวๆผู้ 2 ตัว ตั้งชื่อ บุพผา มะลิ ลักกี้ และสีนิล เป็นม้าพันธิ์ไทย เพราะจะดูแลง่ายอยู่ง่ายกินง่าย ค่าใช้จ่ายสองแสนกว่าบาทที่สะสมมายังไม่รวมกับอานม้าและอุปกรณ์ อีกหลายอย่างที่ต้องเอามาใช้ ทำให้ติดหนี้ ไปก่อนส่วนนั้น ตอนนี้ก็ใช้เงินเดือนผ่อนจ่าย รวมทั้งค่าอาหาร ม้า อีก โชคดีที่ มีชาวบ้านช่วยหลายอย่างแล้ว เชือกฟ้าง 100 กิโล ชาวบ้านเอามาให้ ก่อไผ่ก็ไม่ต้องซื้อชาวบ้านให้ไปเอามาใช้ทำเป็นคอกม้า กล้วยเราปลูก รอบๆฐาน หญ้ากำลังพลจะออกไปหามาจากพื้นที่บ้างชาวบ้านเอามาให้บ้างเป็นอะไรที่ รู้สึกว่าทำแล้วมีความสุข ติดหนี้ก็ยอม หลายคนตั้งคำถามว่า เราบ้าหรือเปล่า แต่ก็ไม่คิดมาก คิดแค่ว่าเรามีความสุขกับงานที่เราทำ

“ 12 ปีที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พอเข้าใจสภาพพื้นที่และแวดล้อมในแต่ละพื้นที่ การใช้ม้า เป็นสิ่งที่ ชอบอยู่แล้วประกอบกับ ได้คุยกับชาวบ้านก่อนที่จะลงมือทำ ชาวบ้านเขาก็เห็นด้วยบอกว่าทำเลยผู้กอง ก็เลยตัดสินใจทำ พอเอามาใช้จริงๆชาวบ้านสนใจมาก เวลาเจ้าหน้าที่ชุดนี้ลงพื้นที่จะเห็นบรรยากาศที่ ชาวบ้านโบกมือ เด็กวิ่งมาขอขี่ม้า ตอนนี้เย็นๆที่ฐาน กลายเป็นสนามขี่ม้าไปเลยชาวบ้านที่ ผ่านก็จะแวะดู ก็เลยจัดให้เป็นชมรมขี่ม้าไปเลย พอชาวบ้านมา เราก็จัดเลี้ยง ชากาแฟ บริการ ทำให้เรามีเรื่องคุย พอคุยกันเราก็เข้าใจกัน ”

พอเสียงตอบรับดี ก็เป็นเหตุจูงใจ ทำให้ มีกำลังใจคิดต่อยอดงานมวลชน ในเดือนหน้าจะมี หลายโครงการเกิดขึ้น ทั้งโครงการ ดอกไม้เหล็กบนหลังม้า ช่วงนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการฝึก อาสาสมัครทหารพรานหญิงขี่ม้า ก่อนลงพื้นที่เข้าหาชาวบ้าน รวมทั้งโครงการ ร่วมใจสร้างรอยยิ้มบนหลังม้า เป็นการทำงานร่วมระหว่างทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง โดยการใช้ม้าในการเข้าพื้นที่แน่นอนเมื่อความสนใจของเด็กๆมีมากก็เลยมาคิด โครงการ พาน้องกลับบ้าน โดยการใช้ม้านำ ขบวนนักเรียน จากโรงเรียนกลับมาที่บ้าน

ทุกวันนี้นอกจาก ภารกิจ เข้าทำงานมวลชนและ รักษาความปลอดภัยวันเสาร์อาทิตย์ ก็จะมีโครงการเล่านิทานบนหลังม้า ที่โรงเรียนตาดีกา จะใช้เจ้าหน้าที่ ที่นับถือศาสนาอิสลาม เล่านิทาน ที่เป็นประวัตินบี ที่มีการใช้ม้า

ขี่ม้าลาดตระเวน กลยุทธ์เข้าหามวลชนที่สายบุรี



ส.อ.จำรัส เข็ดคม หัวหน้าชุด ครูฝึก และหัวหน้าชุด กล่าวว่า การใช้ม้า ในการรักษาความปลอดภัย มั่นใจว่า จะปลอดภัย เพราะ ม้าเหมาะสำหรับ ลัดเลาะภูมิประเทศได้ทุกที่ ทำให้ไม่ต้องใช้เส้นทาง โดยเฉพาะเส้นทางเดิม ในการรักษาความปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้กับเจ้าหน้าที่ได้ระดับหนึ่ง

สำหรับการดูแลม้า เราเน้นดูแลแบบม้าบ้านๆที่เลี้ยงไว้ใช้งาน ก็ไม่มีอะไรมาก ตื้นเช้ามา ก็จะเอาออกมานอกคอกม้า เพื่อให้ม้าได้กินหญ้าที่ติดน้ำค้างก่อน สักพัก ก็จะเอาไปอาบน้ำ แล้วให้กินข้าว จากนั้นก็จะ เอาอาหารม้ามาให้อีกช่วงเทียง วันไหนมีภารกิจ ก็จะออกไปประมาณ 10โมง ก่อนจะกินข้าว พอเสร็จกลับมาอาบน้ำ ถึงจะกินข้าว วันไหนที่มีการฝึกกำลังพล ม้า 4ตัวนี้ก็จะทำงานเหนื่อยกว่าทุกๆวัน เพราะการฝึก คนที่ไม่เคยขี่ม้า ต้องการทำความรู้จักมันก่อนทำความสนิทสนม คุ้นเคย จากนั้นขี่ช้าๆ กว่าจะได้วิ่งควบม้าได้ต้องใช้เวลาประมาณ1เดือนเรามีม้าแค่4ตัว ม้าจึงต้องทำงานหนัก

“ยิ่งช่วงนี้ ม้าตัวเมียทั้ง2ตัวที่มีท้องทั้งคู และ ถ้าคลอด ลูกออกมา ก็ต้องใช้เวลา 3ปีกว่าจะเอาแม่มาใช้งานได้ งานหนักหลังจากนี้จึงต้องตกอยู่ที่ม้า ตัวผู้ทั้ง2ตัว”

ด้าน นายนันทรัตน์ บัวแย้ม ปลัดอำเภอ สายบุรี จ.ปัตตานี กล่าวว่า การทำงานร่วม ทหารตำรวจ และฝ่ายปกครอง ในการดูแลความสงบเรียบร้อย อ.สายบุรี เป็นอำเภอหนึ่งที่มีเหตุการณ์ มีความหลากหลายของวัฒนธรรม เจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้ส่งเสริมกิจกรรมเพื่อนำความสุขให้กับชาวบ้านโดยการใช้สื่อต่างๆ โดยเฉพาะโครงการ ร่วมใจสร้างรอยยิ้มบนหลังม้า ถือเป็นภารกิจที่ ดี โดยเฉพาะการใช้ม้า ในการลงพื้นที่ภาพจะอ่อนโยนกว่า การที่ใช้รถจักรยายนต์หรือรถยนต์เข้าไป ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี เจ้าหน้าที่ทุกคนก็ตั้งใจทำงานเพื่อคืนความสุขให้กับพี่น้องในพื้นที่

นาย อาฮามัด สือรีสอ ชาวบ้านปาเสยาวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี กล่าวว่าเห็นด้วยกับวิธีการรักษาความปลอดภัยแบบนี้ การที่ทหาร เข้าพื้นที่ ด้วยรถฮัมวี่ กับทหารเข้าพื้นที่กับ ขี่ม้า ภาพ ที่ชาวบ้านเห็นคนละเรื่องกัน

“ขี่ม้ามา จะรู้สึกว่า เป็นมิตร เป็นเพื่อนกันได้ แต่พอมากับรถ นี้ความรู้สึกจะต่างกันเลย เด็กๆก็ชอบ ชาวบ้านในพื้นที่ก็ให้ความสนใจ เป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับเขา ตัวเองยังอยากหาซื้อ เอาไว้ใช้งานสักตัว ถ้ามีโอกาส คิดว่า วิธีการที่ใช้เข้าหามวลชนแบบนี้ดีมากได้ใจชาวบ้านมาก”

นายอับดุลอาซิ มะหะ เยาว์ชนบ้านปาเสยาวอ อ.สายบุรีจ.ปัตตานีกล่าวว่า รู้สึกดีที่มีโอกาสได้ขี่ม้า เพราะที่ผ่านมา ตั้งแต่ทหารใช้ม้า แทนรถยนต์ในการเข้าพื้นที่ พยายามมาตลอดที่จะขอขี่แต่มักจะได้เพื่อนขี่ตลอด คราวนี้ มีโอกาส ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด

“แรกๆก็รู้สึกตื้นเต้น กลัวม้าจะดีดจะเอาไม่อยู่ แต่พอได้ขึ้นไปขี่รู้สึกไม่อยากลงจากหลังม้าเลย รู้สึกว่าตัวเองเท่มากตอนอยู่บนหลังม้า ถ้ามีโอกาส จะตั้งใจเก็บเงินซื้อม้าสักตัว เพราะการได้ขี่ม้า ดีกว่าได้ขี่รถจักรยายนต์ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ทหารเข้ามาหาชาวบ้านด้วยวิธีการที่อ่อนโยนเช่นนี้”

ด.ช. อุสมาเจะแมกล่าวว่า การรักษาความปลอดภัยวันนี้ เกิดความวุ่นวายขึ้น ทันที่เมื่อ พี่ๆทหารชุดนี้ ได้มารักษาความปลอดภัยมาถึง โรงเรียนตาดีกาประจำหมู่บ้าน เด็กๆที่กำลังทำข้อสอบอยู่ในห้องเรียน ต่างวิ่งออกมาดูม้า บางเข้ามา ขอขี่ม้า และบางก็ขอลูบสัมผัส ใครที่ได้ขี่ม้า ถือว่า ก็จะได้รับการชื่นชมจากเพื่อนๆ เช่นเดียวกับน้อง อุสมา เจะแม กับน้อง ซอฟา ลาเต๊ะ น้องสองคนบอกว่าดีใจที่สุด วันนี้ได้ขี่โชว์เพื่อนๆ ซึ่งต่างจากทุกวันที่ต้องไปขี่ที่ ฐาน น้อยมากที่เพื่อนจะเห็น

“วันนี้ดีใจที่สุด บอกไม่ถูก วันนี้ทหารใจดี เอาม้ามาให้ขี่ ถึงที่ตาดีกา เพื่อนๆที่เห็นเขา ยกนิ้วให้ แล้วก็พูดว่า เก่ง ชอบขี่ม้าที่สุดเลยเพราะการขี่ม้า จะสนุก”