posttoday

วอนช่วยนักเรียนปากน้ำแพ้ยาตาใกล้บอด

15 มิถุนายน 2553

วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือเด็กนักเรียนเทศบาลปากน้ำแพ้ยาดวงตาสองข้างใกล้มองไม่เห็น

วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือเด็กนักเรียนเทศบาลปากน้ำแพ้ยาดวงตาสองข้างใกล้มองไม่เห็น

 

วอนช่วยนักเรียนปากน้ำแพ้ยาตาใกล้บอด

นายประสิทธิ์ บรรณศิลป์  ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาล 1 เยี่ยมเกษสุวรรณ  ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า  น.ส.กิตติยา ไฝ่ป้อง อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของโรงเรียนเทศบาล 1  ซึ่งเรียนดี ได้เกรด 3.5 มาตลอด ได้ประสบปัญหาด้านสายตา และผิวหนังจึงไปรักษาตัวที่คลินิกแห่งหนึ่งเกิดอาการแพ้ยาทำให้ดวงตาทั้งสองข้างใกล้มองไม่เห็น

น.ส.กิตติยา   กล่าวว่า เมื่อปี พ.ศ. 2542 อายุได้ 4 ปี มารดาชื่อ นางบุญนอง   ได้พาตนไปหาหมอที่คลินิกแห่งหนึ่งแถวถนนนารายณ์ปราบศึก ช่วงเย็น แพทย์ได้ให้ยาแก้ไข้และแก้อักเสบมาทาน เมื่อมาถึงบ้านแม่ได้ป้อนยาแก้อักเสบชื่อ คลอแรมเฟนิคอล  ชนิดน้ำ ป้อนให้กิน 1 ช้อนชา เมื่อตนกินเข้าไปแล้วอาเจียน  แม่ได้กรอกยาให้ใหม่พอตื่นนอนมาตอนเช้า มีผื่นแดงพุพองตามตัว ตาสองข้างบวมลืมไม่ขึ้น จึงได้พาตนไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ
 
หลังจากนั้นถูกนำเข้ารักษาตัวที่ห้อง ไอซียูนอนแช่น้ำเกลือตลอดเวลา 1 เดือน หมดเงินค่ารักษานับแสนบาท หน้าตาก็เสียโฉม  ซึ่งพ่อแม่ของตนได้เรียกร้องค่ารักษากับแพทย์คลินิกที่รักษาตน ซึ่งได้ตกลงยอมความกัน โดยแพทย์ที่คลินิกยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ 2 แสนบาท แล้วยอมความกัน ซึ่งเงินสองแสนบาทได้ใช้ในการักษาตัวเพราะได้มีการนำตนส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี  และต่อมาได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เกี่ยวกับสายตาทั้งสองข้าง ที่ฝ้ามัวมองเห็นลางๆ
 
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ทานยาแก้อักเสบเข้าไป  ต่อมาในปี พ.ศ. 2551  ได้รับบริจาคดวงตาจากสภากาชาดไทย แต่ช่วงนั้นตนเองไม่แข็งแรง ทางสภากาชาดไทยจึงต้องมอบดวงตาที่จะเปลี่ยนให้คนถัดไป  ต่อมา ปี พ.ศ. 2552 จึงได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนแก้วตา แต่ผลการรักษาก็ยังทำให้มองเห็นลางๆ และเกิดต้อกระจก และเป็นต้อหิน เวลาจะอ่านหนังสือต้องเอามาจ่อดูใกล้ๆห่างประมาณ 6 นิ้วจึงเห็นตัวหนังสือ 
 
น.ส.กิตติยา กล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนยังต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลรามาธิบดีเป็นระยะตามที่แพทย์นัด โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากที่ใช้ บัตรทอง รักษา เพราะเป็นยานอกบัญชียาหลัก  โดยเสียค่าใช้จ่ายครั้งละกว่า 1 พันบาท ซึ่งทำให้มารดาของตนต้องกู้เงินนอกระบบเพื่อนำมารักษาตน ปัจจุบัน มารดาของตนก็อายุ 56 ปี เคยประสบอุบัติเหตุ ขาเดินไม่ค่อยได้ ได้แต่ทำกับข้าวขายในช่วงเย็นแถวบ้านมีรายได้เดือนละประมาณ 3,000  บาท ส่วนบิดาก็อายุ 60 ปี มีอาชีพขับสามล้อเครื่อง มีเงินไม่พอเลี้ยงครอบครัว 8 ชีวิต เนื่องจากตนเองมีพี่น้องรวม 6 คน ตนเองเป็นคนสุดท้อง 
 
ทั้งนี้หลังจากที่ผู้อำนวยการและครูในโรงเรียนทราบชีวิตอันรันทดของเด็กนักเรียนคนนี้ที่เรียนดี  แต่ต้องมาประสบเคราะห์กรรม ก็ได้รวบรวมเงินจำนวนหนึ่งได้ประมาณ 8,000 บาท ช่วยเหลือเด็กเป็นค่ารักษาตัวแต่ก็ยังไม่เพียงพอ  ผู้อำนวยการโรงเรียนจึงได้แจ้งเรื่องนี้ให้ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครสมุทรปราการทราบ เพราะเป็นโรงเรียนในสังกัด   ทำให้นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลนครสมุทรปราการ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษานายกฯ ได้มอบเงินส่วนตัวจำนวน 1 หมื่นบาท 
 
โดยมอบผ่าน นายสมนึก เตรณานนท์ รองนายกเทศมนตรีฯ เพื่อนำมามอบให้ น.ส.กิตติยา เพื่อช่วยเหลือค่ารักษาเบื้องต้น  และจะจัดเบี้ยยังชีพคนพิการให้เดือนละ 500 บาท เพื่อช่วยเหลือต่อไป ส่วนทางด้าน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าทีสาธารณสุขมาดูอาการของเด็ก และจะประสานไปยังโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อให้ช่วยดูแล น.ส.กิตติยา เป็นพิเศษ
 
หากผู้ที่ต้องการจะช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล สามารถติดต่อกับ ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาล 1  ได้ที่เบอร์โทร. 02-3951160