อุดรธานีห้ามขายประทัดลอยกระทง

อุดรธานี-ผู้ว่าฯห้ามขายประทัดช่วงลอยกระทง หลังเทศกาลออกพรรษาพบมีผู้บาดเจ็บส่งรพ.43ราย

นายสุทธินันท์ บุญมี รองผวจ.อุดรธานี กล่าวว่า ขณะนี้มีความเป็นห่วงเป็นใยในเรื่องของการเล่นประทัดดอกไม้ไฟทำให้ลูกหลานพิการเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องมาช่วยกันในทุกด้าน ตั้งแต่ทำความเข้าใจกับเด็ก ครอบครัว และประชาชน โดยจะเริ่มตั้งแต่ เทศกาลลอยกระทง ที่จะถึงนี้ จะเชิญเขตพื้นที่การศึกษาทั้งประถม และมัธยม บอกเล่าถึงประเพณีอันดีงามจริงๆ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็ก บาดเจ็บจากประทัดไปบอกว่ามันมีความรุนแรงมากขนาดไหน เพื่อให้เลิกเล่น

"ที่สำคัญมากที่ต้องดำเนินการ คือ ร้านค้าขายส่งขนาดใหญ่ ร้านค้ารายย่อยที่ซื้อไปชายตามหมู่บ้านจะต้องมีการเชิญมาพูดคุยกันให้ชัดเจน ปีนี้ถ้าใครที่มีใบอนุญาตอยู่แล้ว ก็จะขอให้ห้ามจำหน่ายประทัดรุนแรง อาทิ ลูกบอล สามเหลี่ยม เมื่อนำมารวมกันจะรุนแรงมาก หากใครมาขออนุญาตจำหน่ายเพิ่ม นายอำเภอรับนโยบายไม่ออกให้ เด็กๆตามหมู่บ้านจะได้ไม่เล่น แต่หากผู้ค้าจะต่อสู้ฟ้องศาลปกครอง ฝ่ายปกครองก็พร้อมจะไปชี้แจง"นายสุทธินันท์ กล่าว

รองผวจ.อุดรธานี กล่าวอีกว่า ที่จะต้องออกคำสั่งห้าม หรือ ขอความร่วมมืออีกคือ โคมลอย ที่เป็นประเพณีของชาวเหนือ แต่นำมาจุดในเทศกาลต่างๆมากขึ้น โดยเฉพาะเทศกาลลอยกระทง กำลังสร้างปัญหากับท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี ที่มีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้น และมีการจุดช่วงเครื่องบินขึ้นลง ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นวาระอุดรธานี ช่วงนี้อย่าสั่งซื้อมาเก็บไว้ขาย เพราะจะมีมาตรการคุมเข้มแน่นอน 
 
ด้านนพ.สมิต ประสันนาการ สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า โรงพยาบาล.ศูนย์อุดรธานี ได้รับผู้บาดเจ็บจากประทัดโดยตรง และรับส่งต่อมารับการรักษา ในปี 2555 จำนวน 84 ราย ปี 2556 จำนวน 62 ราย และ 2557 จำนวน 43 ราย เป็นหญิง 3 ราย ชาย 41 ราย อายุ 1-10 ปี 15 ราย , 11-15 ปี 17 ราย , 16-20 ปี 6 ราย มากกว่า 21 ปี 5 ราย เป็นผู้บาดเจ็บนิ้วขาด 1 นิ้ว 10 ราย , นิ่วขาด 2 นิ้ว 9 ราย , มือ 13 ราย , ตา 5 ราย และอื่นๆ 4 ราย ส่วนใหญ่เกิดจากประทัดลูกบอล 36 ราย ประทัดแดง 4 ราย ใบลาน 2 ราย และกัปตัน 1 ราย     

นพ.ณรงค์ ธาราเดช รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี กล่าวว่า ก่อนถึงเทศกาลออกพรรษาโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีได้ประชาสัมพันธ์ ด้วยการแถลงข่าวผ่านสื่อมวลชน ขอความร่วมมือ และเตือนไปยังทุกฝ่าย ทำให้จำนวนผู้บาดเจ็บ และความรุนแรงลดลงกว่าทุกปี แต่ก็ยังถือว่ามีความรุนแรงอยู่มาก เพราะบาดแผลที่เกิดจากประทัด จะมีลักษณะถูกแรงอัดทำให้แผลช้ำและฉีกขาด เข้าไปถึงกระดูก แม้จะได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีเครื่องมือทาการแพทย์ที่ทันสมัย ผู้บาดเจ็บก็ไม่สามารถใช้งานมือ โดยเฉพาะมือที่ถนัดได้เหมือนเดิม เท่ากับเด็กจะเป็นคนพิการ