posttoday

คำยืนยันจากแนวรบพระวิหาร ไทย...ไม่เสียดินแดน

17 กันยายน 2552

โดย อภิวัจ สุปรีชาวุฒิพงศ์

โดย อภิวัจ สุปรีชาวุฒิพงศ์

ปัญหาปราสาทพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มิได้เกิดจากการปะทะกันด้วยอาวุธระหว่างทหารไทยและกัมพูชา แต่เกิดจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ไม่พอใจที่กองกำลังฝ่ายกัมพูชาเข้ามายึดครองพื้นที่พิพาท และประกาศนัดชุมนุมบริเวณผามออีแดง เพื่อทวงคืนเขาพระวิหารจากการยึดครองของฝ่ายกัมพูชา โดยนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้

กว่า 1 ปีแล้วนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2551 ที่ทหารไทยและกัมพูชาฝ่ายละไม่ต่ำกว่า 4,000 นาย วางกำลังเผชิญหน้ากันในพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหาร และเกิดเหตุการณ์ปะทะกันขึ้น 2 ครั้ง เสียชีวิตและบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย แต่การแก้ปัญหาเพื่อลดการเผชิญหน้ากลับไม่คืบหน้า เนื่องจากข้อจำกัดของฝ่ายไทยที่ต้องให้รัฐสภาอนุมัติกรอบการเจรจากับฝ่ายกัมพูชาก่อน

ปัจจุบันในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร กัมพูชาวางกำลังทหารหลัก 6 กองพลน้อย ประกอบด้วย กองพลน้อยรบพิเศษ 911 กองพลน้อยสนับสนุน (พล.น้อย สสน.) 1, 7, 8, 9 และ 11 กำลังพลรวมประมาณ 4,000 นาย ประกอบกำลังเป็นหน่วยเฉพาะกิจทหารรัฐบาลกัมพูชาประจำพื้นที่ปราสาทพระวิหาร โดยมีการวางกำลังในจุดต่างๆ ประกอบด้วย พลาญหินแปดก้อนถึงช่องคานม้า พื้นที่ด้านตะวันออกของปราสาทพระวิหาร กำลังพล 7 กองร้อย เขาพระวิหาร 6 กองร้อย ช่องตาเฒ่า-ปราสาทโดนตรวล ด้านตะวันตกของปราสาทพระวิหาร 3 กองร้อย และรถถัง 10 คัน ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านสวายจรุม เขตกัมพูชา และพื้นที่บ้านซำแต จากช่องคำผกา-ช่องโพย ซึ่งเป็นด้านตะวันตกของปราสาทพระวิหารเช่นกัน ฝ่ายกัมพูชาวางกำลัง 2 กองร้อย และรถถังอีก 4 คัน

หลังการปะทะกันของทหารไทยและกัมพูชา ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาได้เพิ่มเติมกำลังและอาวุธยิงสนับสนุนเข้ามาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการดัดแปลงที่มั่นโดยการขุดคูติดต่อ ปรับปรุงเส้นทาง พยายามแทรกซึมด้วยกำลังขนาดเล็กเพื่อเข้ายึดและควบคุมภูมิประเทศสำคัญ

พ.อ.กฤตัชญ์ สรวมศิริ รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี กล่าวว่า ตามที่สื่อมวลชนกัมพูชาเสนอข่าวเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ว่า กองทัพกัมพูชาปรับลดกำลังออกจากพื้นที่พิพาทนั้น กองกำลังสุรนารีได้ติดตามสถานการณ์ สรุปได้ว่าฝ่ายกัมพูชามีการเคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์บางส่วนออกจากพื้นที่ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ถึงจำนวนและหน่วยที่ฝ่ายกัมพูชาปรับออกว่าเป็นหน่วยใด ซึ่งเราต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ยืนยันได้ว่ากำลังฝ่ายไทยยังไม่มีการปรับหรือถอนกำลังแต่อย่างใด เรายังรักษาสมดุลกำลังแบบ 1:1 ขอยืนยันว่ากำลังฝ่ายไทยยังอยู่ในพื้นที่ และเราไม่ได้เสียดินแดนแต่อย่างใด พูดได้ว่าเราควบคุมพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตรไว้ได้ถึง 70%

รอง ผบ.กองกำลังสุรนารี ยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ดำเนินการรักษาสิทธิอธิปไตยในพื้นที่พิพาทอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการประท้วงการดำเนินการของฝ่ายกัมพูชาที่ดำเนินการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของพื้นที่

“ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพ.ย.ปีก่อน ฝ่ายกัมพูชาได้ก่อสร้างถนนคอนกรีตจากบ้าน โกมุยขึ้นมายังปราสาทพระวิหารเสร็จสิ้น ซึ่งเราก็ได้ประท้วงไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีการสร้างกระเช้าความสูงประมาณ 500 เมตร ขนส่งอุปกรณ์ต่างๆ ขึ้นมายังบริเวณภูมะเขือด้านทิศตะวันออกของปราสาทพระวิหาร และการพยายามก่อสร้างชุมชนตลาดบริเวณทางขึ้นปราสาทซึ่งถูกไฟไหม้เสียหายขึ้นมาใหม่ ซึ่งเราก็ได้ประท้วงไปทุกครั้ง เพื่อเป็นหลักฐานในการเจรจาปักปันเขตแดนหาทางออกของปัญหานี้” พ.อ.กฤตัชญ์ กล่าว

เป็นคำยืนยันว่าสิทธิอธิปไตยเหนือพื้นที่พิพาทยังมิได้สูญเสียไปแต่อย่างใด