posttoday

เมื่อ"ครู"ละเมิด"ลูกศิษย์"คุณธรรม"นั้นไซร้ อยู่ไหนหนอ?

26 กันยายน 2557

การละเมิดทางเพศลูกศิษย์ โดยเฉพาะนักเรียนหญิงที่กราบไหว้ตัวเองทุกวัน เช่นนี้แล้ว ไม่ควรให้ทำหน้าที่เป็นครูอีกต่อไป ต้องไล่ออกสถานเดียว

การละเมิดทางเพศลูกศิษย์  โดยเฉพาะนักเรียนหญิงที่กราบไหว้ตัวเองทุกวัน เช่นนี้แล้ว ไม่ควรให้ทำหน้าที่เป็นครูอีกต่อไป ต้องไล่ออกสถานเดียว
โดย...ทีมข่าวภูมิภาค

เหตุการณ์ครั้งแล้ว ครั้งเล่า เมื่อเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ที่หดหู่ใจยิ่งนักคือ ลูกศิษย์  ถูกคนที่เรียกตัวเองว่า "ครู" บางคนล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเป็นการกระทำซึ่งสังคมไม่อาจยอมรับได้ เพราะขัดต่อคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรมอันดี และกฎหมายบ้านเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เป็น "ครู" ผู้ซึ่งเด็กๆ รุ่นลูก หลาน ให้ความเคารพนพนอบ กราบไหว้ทุกเมื่อเชื่อวัน กลับกลายเป็นผู้ที่หื่นกระหายทางเพศ ไม่ละเว้นแม้แต่ลูกศิษย์ของตนเอง

เด็กน้อย พ่อแม่ ผู้ปกครอง ไม่กล้าบอกใครว่าลูกหลานของตัวเองถูกครูคนหนึ่งที่เคารพรักเป็นนักหนา มากระทำย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นคน จะทนได้หรือไม่ได้ก็ต้องทน เพราะครั้นจะเอ่ยปากไปบอกใครก็อับอาย กลัวไม่ได้เรียนหนังสือ กลัวหาว่าไปใส่ร้ายผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่พิมพ์ของชาติ กลัวสายตาที่ดูหมิ่นดูแคลนจากคนรายรอบ จำต้องทนเก็บความเจ็บปวดไว้กับตัวเอง บ่มเพาะความหวาดระแวง ไม่ไว้วางใจใครอีกต่อไป

บางเหตุการณ์เป็นข่าวครึกโครมผ่านสื่อหลายชนิด ขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์หลายฉบับ แชร์ว่อนในโซเชียลมิเดีย กระแสสังคมรุมประณามผู้ที่เป็นฝ่ายกระทำ แต่กระนั้นก็ยังมีเสียงบางเสี้ยวเล็ดรอดมาในสังคมว่า "เด็กมันยั่ว"... คิดได้นะความคิดแบบนี้จะออก
จากปากของผู้ใหญ่บางคน เด็กหญิงอายุ 8-12 ปี เท่านั้น จะประสาไปยั่วอารมณ์ใครได้ มีแต่จะรับคำสั่งตามที่ผู้ใหญ่ต้องการเท่านั้น อย่าว่าแต่พ่นออกมาจากปากเลย หากผู้ที่คิดหรือปล่อยถ้อยคำเช่นนี้ออกมา ก็ไมม่ควรเป็น"ครู"อีกต่อไป!!
จากเหตุการณ์กลายเป็นคดีที่สังคมต่างจับจ้อง เพราะกระทบต่อศีลธรรมอันดีของผู้ที่ประกอบวิชาชีพครู แน่นอนครูดีมีไม่น้อยที่จะต้องได้รับผลกระทบดังกล่าวให้มัวหมองไปด้วย แต่ขณะที่ผู้กระทำยังหาได้มีสำนึกผิดชอบแต่อย่างใดเลย มิหน้ำซ้ำยังมีเพื่อนครู หรือเพื่อนบางกลุ่มพยายามจะช่วยวิ่งเต้น ล้มคดี ด้วยวิธีการต่าง ๆ อาทิ ไปหาผู้ปกครอง พ่อแม่เด็ก ข่มขู่ห้ามแจ้งความ อ้างว่าเส้นสายใหญ่โต รวมถึงขอร้องไม่ให้แจ้งความ หรือการหยิบยื่นเงินเพื่อปิดปาก เป็นต้น...เพื่อแลกกับให้คนทำผิดลอยนวลอยู่ในสังคมต่อไป และอาจจะไปกระทำซ้ำกับเด็กหญิงที่ไหน ๆ ได้อีก นี่ยังไม่ได้กล่าวถึงบางคนที่ละเมิดทางเพศลูกหลานในครอบครัว...

เกรียงไกร ไชยมงคล อดีตข้าราชการครูที่ผ่านการดำรงตำแหน่ง สส.พะเยา พรรคไทยรักไทย(ทรท.) และเป็นคณะกรรมาธิการการศึกษาสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า หลายครั้งที่ได้รับรู้ข่าวว่ามีครูบางคนในบางพื้นที่ กระทำการล่วงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียนหญิงที่เป็นลูกศิษย์ในโรงเรียนของตัวเอง รู้สึกหดหู่และเศร้าใจยิ่งนัก แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่ได้หมดไปจากสังคมไทยแต่อย่างใด

ความผิดที่เกิดขึ้นถ้าผู้ที่กระทำผิดสำนึกได้ รู้ผิด ขอขมาต่อผู้ที่ถูกกระทำยอมรับผลกรรม ย่อมเป็นผลดีต่อสังคม แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือ หากผู้ที่กระทำผิดแล้วไม่ยอมรับ ไม่สำนึกผิด อีกทั้งยังมีคนรอบข้างคอยเป็นกองเชียร์ กองเคลียร์ ทำให้ผิดเป็นถูก ดำเป็นขาว เพื่อให้มีหน้าตาอยู่ในสังคม ประกอบอาชีพการงานได้ต่อไป นี่คือการสร้างวัฒนธรรมเอาเปรียบให้ฝังรากลึกในสังคมอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะผู้ที่ถูกกระทำคือ "ลูกศิษย์" พานดอกไม้ วันไหว้ครูที่เด็ก ๆ นำมากราบไหว้คงไม่สามารถสร้างสามัญสำนึกให้ตระหนักลึกถึงความเป็นครูได้เลยแม้แต่น้อย หญ้าแพรก ดอกมะเขือ ก็เป็นเพียงสิ่งที่นำมาประกอบพิธีเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายในการไหว้ครูอีกต่อไป"

คนผิดต้องได้รับการลงโทษ อ.เกรียงไกร ย้ำว่า"ระเบียบกฎหมายด้านวินัยของข้าราชการ ถือว่าผู้ที่กระทำผิดที่ประจักษ์ ต้องถูกหน่วยงานบังคับบัญชามีคำสั่งให้ออกไว้ก่อน ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที จนกว่าผลการสอบสวนทางวินัยแล้วเสร็จ ไม่ใช่ปล่อยไปจนกว่าคดีจะแล้วเสร็จ จากนั้นก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินการสอบสวนทางวินัย จะไล่ออกหรือปลดออกก็ต้องชัดเจน เมื่อมีความผิดเกิดขึ้นแล้วไม่ตั้งคณะกรรมการสอบ ฯก็ถือว่ามีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งการสอบวินัยจะต้องไม่มีการตั้งคณะกรรมการที่เป็นกลุ่มพวกพ้องของผู้กระทำผิดมาเป็นคณะกรรมการร่วม เพราะอาจจะสร้างความไม่เป็นธรรมได้ แต่คดีนี้ผมไม่เข้าใจว่า ยังไม่มีคำสั่งให้ออกจากราชการ แต่กลับให้ผู้กระทำผิดมาช่วยราชการ ทำให้เกิดความสงสัยเหมือนกัน

"การละเมิดทางเพศลูกศิษย์  โดยเฉพาะนักเรียนหญิงที่กราบไหว้ตัวเองทุกวัน เช่นนี้แล้ว ไม่ควรให้ทำหน้าที่เป็นครูอีกต่อไป ต้องไล่ออกสถานเดียว"

ด้าน"วิมล ปิงเมืองเหล็ก" อาจารย์พิเศษระดับอุดมศึกษา และอดีตข้าราชการครูในจังหวัดพะเยา กล่าวว่า "บุคคล 3 ประเภท คือ พระ ครู ผู้ปกครองท้องถิ่น ถ้ามีความมัวหมองเรื่องอย่างนี้ มีทางเดียวที่ควรทำคือ ขจัดให้อยู่นอกวงการ ยิ่งถ้าเป็นครูแล้วน่าเศร้าใจมาก สะท้อนได้ว่า เด็กนักเรียนนำหญ้าแพรก ดอกมะเขือมากราบไหว้ พร้อมกล่าวคำว่า "ปาเจราจริยาโหนติฯ" นั้น เป็นเพียงสวะสายลมในรูหูของคนที่อ้างตนว่า เป็นครูเท่านั้น ช่วยกันเขี่ยคนเช่นนี้ทิ้งไปจากสังคมการศึกษาได้แล้ว

คนเช่นนี้เป็นครูได้แค่อาชีพ ที่นำมาซึ่งรายได้เท่านั้น ไม่ใช่ผู้ที่มีจิตวิญญาณความเป็นครู เพราะ "ครู" คือ ผู้ที่ทำหน้าที่บ่มเพาะ อบรมสั่งสอนลูกศิษย์ให้มีความรู้ ชื่นชมลูกศิษย์เมื่อประสบความสำเร็จ ช่วยเหลือแนะนำเมื่อลูกศิษย์ประสบปัญหา มิใช่มากระทำกับลูกศิษย์ของตัวเองเสียเอง

ทำไปแล้วมารู้สึกผิด คงไม่สามารถช่วยอะไรได้ ก่อนหน้านั้นต้องมีสติ สำนึกในหน้าที่ สำนึกในจิตวิญญาณความเป็นครูของตัวเองให้หนัก แล้วเหตุการณ์ที่เสื่อมทรามย่อมไม่เกิดขึ้น

ยิ่งกว่านั้น กลุ่มเพื่อนครู หรือกลุ่มใด ๆ ที่พยายามจะช่วยหาทางให้ผู้กระทำผิดพ้นผิด คือกลุ่มที่กำลังสร้างวัฒนธรรมความรุนแรงแก่เด็กนักเรียนที่เป็นลูกศิษย์ครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกฝ่ายต้องออกมาช่วยกันป้องกันไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกต่อไป และองค์กรครูต้องออกมาแสดงจุดยืนปกป้องศักดิ์ศรีของครูที่ดีด้วย"

"เจริญศรี ไชยขัติย์"เจ้าพนักงานคุ้มครองเด็ก บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพะเยา กล่าวว่า "เด็กผู้หญิงที่เสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ส่วนหนึ่งมาจากคนในครอบครัว คนใกล้ชิด และคนที่เด็กไว้วางใจ ด้วยความบริสุทธิ์ของเด็กจึงไม่คิดระวังภัยที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ซึ่งการเฝ้าระวังย่อมต้องมาจากคนในครอบครัว ผู้ปกครอง พ่อแม่  ต้องช่วยดูแลไม่ให้เด็กถูกกระทำความรุนแรงหรือถูกล่วงละเมิดทางเพศด้วยวิธีการใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะเสี่ยงต่อภาวะจิตใจของเด็กเมื่อเติบโตขึ้นเกรงจะเป็นปมในใจที่แก้ได้ยาก ดังนั้นต้องป้องกันที่ต้นเหตุ ทุกภาคส่วนในสังคมต้องช่วยกันดูแล ไม่ควรมองว่าเป็นเรื่องนอกครอบครัว หรือเรื่องของคนอื่น เพราะหากสังคมเพิกเฉยเด็ก ๆ อาจจะไม่ได้รับความปลอดภัย"

เด็กเสมือนผ้าขาวที่จะต้องช่วยกันประคับประคอง ดูแลไม่ให้ถูกเปื้อนในสิ่งที่ไม่ควร ไม่ง่ายที่จะดูแลพวกเขาให้ปลอดภัย แต่ก็ไม่ยากเกินไปหากทุกฝ่ายต่างร่วมใส่ใจลูกหลาน มองเห็นเด็กทุกคนเสมือนลูกหลานของตัวเอง ให้ความรักที่บริสุทธิ์ โดยไม่หวังผลตอบแทน มิใช่ให้ความรักเพื่อหวังผลประโยชน์ใด ๆ จากเด็ก

ช่วยกันกำจัดผู้ที่ร่วมกระทำความรุนแรงต่อเด็กในทุกช่องทางให้หมดไปจากสังคมไทย และสร้างภาพลักษณ์ของผู้ใหญ่ ที่ควรค่าแก่การ "กราบเท้า" ได้อย่างไม่เคลือบแคลงใจ

วันนี้สังคมกำลังเฝ้าติดตามคดีครูคนหนึ่ง ที่ได้ล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี อย่างไม่กระพริบตา เป็นการพิสูจน์ความยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรม ว่าจะเป็น "มวยล้ม" หรือไม่ การสอบสวนทางวินัยของหน่วยงานบังคับบัญชา ว่าจะดำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรม ได้หรือไม่