posttoday

นักวิชาการโคราชยี้ศึกซักฟอกยิ่งสร้างความแตกแยก

01 มิถุนายน 2553

นักวิชาการม.ราชภัฎโคราชระบุอภิปรายไม่ไว้วางใจไร้ผลยิ่งสร้างความความแตกแยกในสังคม

นักวิชาการม.ราชภัฎโคราชระบุอภิปรายไม่ไว้วางใจไร้ผลยิ่งสร้างความความแตกแยกในสังคม

 

นักวิชาการโคราชยี้ศึกซักฟอกยิ่งสร้างความแตกแยก ดร.อดิศร เนาว์นนท์

ดร.อดิศร เนาว์นนท์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา แสดงความเห็นถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ประเด็นที่ฝ่ายค้านนำมาอภิปรายซักฟอกรัฐบาลจะเน้นไปในเรื่องของการกระชับพื้นที่ของรัฐบาลจนเป็นเหตุให้มีกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งประเด็นดังกล่าวทั้งฝ่ายค้านที่นำหลักฐานมาประกอบการอภิปรายก็เป็นเพียงรูปภาพ คลิปวีดีโอส่วนหนึ่งของเหตุการณ์มาเป็นส่วนประกอบเพื่อให้การอภิปรายของตนเองมีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องหยิบยกเอาในส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มของตนเองมาพูดเท่านั้น  เช่นเดียวกันกับรัฐบาลเองก็ใช้วิธีนี้เช่นเดียวกัน

ดังนั้นจึงทำให้ประชาชนที่รับฟังการอภิปรายส่วนหนึ่งยังคงสับสนว่าใครเป็นฝ่ายผิดและผู้ใดเป็นฝ่ายถูก ซึ่งก็จะได้รับข้อมูลข้อเท็จจริงเพียงครึ่งๆกลางๆ  ทั้งนี้หากประชาชนที่รับชมอยู่ใช้วิจารณญาณในการรับชมโดยนำข้อมูลทั้ง 2 ฝ่ายมาประมวลเข้าด้วยกัน ก็จะทำให้ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น แต่ในทางกลับกันการอภิปรายประเด็นนี้อาจจะสร้างให้เกิดความขัดแย้งแบ่งฝักแบ่งฝ่ายของประชาชนให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของผู้ที่สนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม กับกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลแบบสุดโต่ง ที่อาจจะมีความเห็นค้านกันอย่างรุนแรง จนอาจนำไปสู่การเกิดเหตุขัดแย้งระหว่างประชาชนได้อีกครั้ง

สำหรับการคาดการณ์ผลการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้นั้น เท่าที่ติดตามมาคาดว่ารัฐบาลจะยังคงได้รับความไว้วางใจจากเสียงส่วนใหญ่ในสภาให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป เนื่องจากสิ่งที่ฝ่ายค้านนำมาอภิปรายก็เป็นประเด็นที่ทางรัฐบาลได้เตรียมตัวและหาหลักฐานมาโต้ตอบได้อยู่แล้ว ซึ่งก็จะเป็นประเด็นในการสั่งกระชับพื้นที่ และทางรัฐบาลเองก็สามารถที่จะชี้แจงเหตุการณ์ดังกล่าวได้อย่างสมเหตุสมผล อีกทั้งยังมีประเด็น คือ รัฐบาลได้เปรียบในเรื่องของเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลและอย่างไรก็ตามเสียงเหล่านี้ก็จะอยู่ข้างรัฐบาลแน่นอนอยู่แล้ว ทำให้รัฐบาลปิดประตูแพ้ไปอย่างสมบูรณ์ เว้นแต่ว่าฝ่ายค้านจะหยิบยกประเด็นที่สามารถไล่รัฐบาลให้จนมุมได้แบบไม่มีข้อโต้แย้งในวันสุดท้ายก่อนที่จะมีการลงมติ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก
 
 ส่วนฝ่ายค้านเองนั้น ก็คงจะต้องทำหน้าที่ของตนเองต่อไป แต่ไม่ควรที่จะนำเอาเรื่องการกระชับพื้นที่และความสูญเสียที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาพูดถึงอีกเพราะไม่มีประโยชน์อะไรแล้วในขณะนี้ ฝ่ายค้านน่าจะตั้งใจตรวจสอบปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นของรัฐบาลกับพรรคร่วมในการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2554 มากกว่า เพราะอาจจะได้ประเด็นที่จะนำมาเป็นข้อมูลซักฟอกรัฐบาลได้ เพราะต้องยอมรับว่ารัฐบาลชุดนี้มีกลุ่มการเมืองหลายกลุ่มรวมตัวกันอยู่ และรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เองต้องอาศัยกลุ่มการเมืองเหล่านี้ในการรักษาเสถียรภาพการเป็นรัฐบาลซึ่งอาจจะทำให้เกิดการเปิดช่องการทุจริตได้ ซึ่งประเด็นนี้ถือเป็นประเด็นที่เป็นผลประโยชนของประเทศชาติ และหากฝ่ายค้านทำอย่างนี้ก็จะสามารถสร้างเครดิตความน่าเชื่อถือให้แก่ตัวเองได้อย่างมาก ดร.อดิศรฯ กล่าว