posttoday

อดีตพระยันตระโผล่นครศรีฯบ้านเกิด

23 เมษายน 2557

อดีตพระยันตระโผล่นครศรีฯบ้านเกิดช่วงสงกรานต์เชื่อคดีความหมดอายุแล้วกลับอเมริกา13พ.ค.

อดีตพระยันตระโผล่นครศรีฯบ้านเกิดช่วงสงกรานต์เชื่อคดีความหมดอายุแล้วกลับอเมริกา13พ.ค.

นายวินัย ละอองสุวรรณ หรืออดีตพระยันตระ อมโรภิกขุ ที่ต้องอธิกรณ์และหลบไปอาศัยอยู่ในประเทศอเมริกาเมื่อ 20 ปีที่แล้วได้เดินทางกลับมายังภูมิลำเนาเดิมในบ้านบางบ่อ เขตเทศบาลเมืองปากพนัง ตำบลปากพนัง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังจากที่คดีต่างๆโดยเฉพาะคดีที่ก้าวล่วงองค์สมเด็จพระสังฆราช ได้หมดอายุความลงนายวินัย ละอองสุวรรณ ได้เดินทางกลับมายังประเทศไทยอีกครั้งแบบเงียบๆโดยได้มาอาศัยอยู่ในอำเภอปากพนัง และยังคงมีการแต่งกายด้วยผ้าคล้ายจีวรที่มีทั้งสีกลักและสีเขียว ทับเสื้อแขนยาว ผมยาวสีขาวผูกรวบไว้ หนวดเคราขาวยาวเฟิ้ม รูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์
         
ผู้ใกล้ชิดนายวินัย ละอองสุวรรณ ระบุว่า นายวินัยได้เดินทางมายังนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์เพื่อมากราบพระครูสุธรรมาจารย์ หรือพ่อท่านเชื่อง เจ้าอาวาสวัดรัตนาราม หรือวัดบางบ่อ ที่บ้านบางบ่อ ตำบลปากพนัง อำเภอปากพนัง ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาจารย์ ของนายวินัยเมื่อครั้งอุปสมบท และได้มาพักอยู่ที่อาศรมที่ปลุกสร้างขึ้นหลังบ้านเดิมของนายวินัย โดยมีผู้ที่ยังเคารพนับถือเดินทางมาเยี่ยมเยียนและเชิญไปยังสถานที่ต่างๆหลายจังหวัดในภาคใต้ โดยจะเดินทางกลับในวันที่ 13 พฤษภาคม 2557 ซึ่งทราบว่าจะปักหลักอาศัยอยู่ที่อเมริกาตลอด

สำหรับอดีตพระยันตระ อมโรภิกขุ (พระวินัย อมโร) หรือนายวินัย ละอองสุวรรณ เป็นชาวนครศรีธรรมราช ก่อนอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ได้ปฏิบัติตนเป็นนักพรตฤๅษีอยู่หลายปีจนเป็นที่รู้จักกว้างขวาง ต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระสงฆ์ในธรรมยุติกนิกาย เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2517 ณ พัทธสีมาวัดรัตนาราม อ.ปากพนัง พระวินัยเมื่ออุปสมบทมักใช้คำแทนตัวว่า "พระยันตระ" ซึ่งแปลว่าผู้ไกลจากกิเลส ที่เคยใช้มาตั้งแต่ยังเป็นฤๅษียันตระ เมื่อบวชแล้วเป็นที่รู้จักดีในฐานะนักปฏิบัติธรรมชื่อดัง ทำให้มีผู้ศรัทธาบวชเข้าเป็นลูกศิษย์มากมาย  ใน พ.ศ. 2537 นายวินัยได้ถูกฟ้องร้องหลายข้อหา และถูกตั้งอธิกรณ์ว่าล่วงละเมิดเมถุนธรรมปาราชิกาบัติ กับนางจันทิมา หรือแม่ ด.ญ.กระต่าย อันเป็นหนึ่งในจตุตถปาราชิกาบัติ ที่ทำให้ขาดจากความเป็นพระภิกษุตามพระวินัยบัญญัติ

อย่างไรก็ตามต่อมาเมื่อเวลา 12.30 น. พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการตรวจสอบที่แน่ชัดว่าอดีตพระยันตระเข้ามาในประเทศไทยจริง อีกทั้งทราบมาว่าคดียังคงมีอายุความอยู่ หากมีการตรวจสอบแล้วพบคดีของพระยันตระหมดอายุความไปแล้ว ก็สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ แต่หากไม่จริงก็ต้องจับกุมมาดำเนินคดี

"กำลังเช็คกับลูกน้องอยู่ว่าเข้ามาทางไหน อย่างไร คาดว่าอีกไม่นานจะรู้เรื่อง" พล.ต.ท.ภาณุ กล่าว

ภาพจากFBเทศบาลปากพนัง