posttoday

คำต่อคำ!หัวหน้าอุทยานฯแจง"บิลลี่"หายตัว

21 เมษายน 2557

หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องการหายตัวไปของ กระเหรี่ยงนักต่อสู้ แจงควบคุมตัวมาจริงแต่ปล่อยไปแล้ว

หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องการหายตัวไปของ กระเหรี่ยงนักต่อสู้ แจงควบคุมตัวมาจริงแต่ปล่อยไปแล้ว

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. เวลา 10.00 น. นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีการหายตัวไปของ นายบิลลี่ หรือ นายพอละจี รักจงเจริญ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน แกนนำชาวบ้านกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย ที่มีตำแหน่งเป็นสมาชิก อบต.ห้วยแม่เพรียง ซึ่งได้หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา

นายชัยวัฒน์ ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการหายตัวไปของนายบิลลี่ พร้อมชี้แจงเหตุการณ์ในวันดังกล่าวอย่างละเอียดดังนี้

"เหตุการณ์ในวันนั้น ผมและเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางกลับออกมาจากการตรวจพื้นที่ป่าเขาพะเนินทุ่ง ซึ่งขณะที่ผมและเจ้าหน้าที่กำลัง อยู่ระหว่างเดินทางกลับ ก็ได้มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯอีกส่วนหนึ่ง ได้โทรมาแจ้งว่า ได้ทำการจับกุมผู้บุกรุกป่าได้และพบของกลางเป็นน้ำผึ้ง จำนวนหนึ่ง จึงควบคุมตัวไว้

"หลังทราบแล้วผม จึงได้เดินทางไปรับตัว ก็พบว่าผู้ที่ถูกจับกุมตัวได้คือนายบิลลี่ ผมจึงให้นายบิลลี่ขึ้นรถมาพร้อมกับผม และจากการที่ผมได้สอบถามเบื้องต้น นายบิลลี่ สารภาพว่าได้นำน้ำผึ้งออกมาจากป่า จริงแต่นำออกมาเพียง 5 ขวดเท่านั้น ส่วนในกระเป๋าที่นำมาด้วย คือ เสื้อผ้า ไม่ได้เป็นน้ำผึ้งตามที่เจ้าหน้าที่สงสัย

"ผมได้ทำการค้นและพบว่าในกระเป๋าเป็นเสื้อผ้าจริงๆ จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนไปตลอดทางจนถึงแยกหนองมะข้า จากนั้นผมจึงได้ปล่อยตัวนายบิลลี่ ไป ผมยืนยันว่ามีหลักฐานการปล่อยตัว โดยมีเจ้าหน้าที่ ที่ไปด้วยสามารถยืนยันเรื่องนี้ได้

"เรื่องจริงมันก็มีอยู่เท่านี้มันไม่น่าจะเป็นต้นเหตุหรือสาเหตุของการหายตัวไปของนายบิลลี่ได้เลย ผมว่าถ้าจะเอาเหตุผลแค่นี้มาหาว่าผมเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเขา ผมว่าเหตุผลแค่นี้มันก็เกินไป เรื่องนี้ผมมองว่ามันเป็นแค่เกม จากคนบางกลุ่มที่เขาอยากให้ผมถูกย้ายออกไปจากพื้นที่ป่าแก่งกระจาน ก็เท่านั้นเองไม่มีอะไร ดังนั้นผมจึงอยากที่จะเรียกร้องให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ปกป้องอนุรักษ์ทรัพยากรของแผ่นดินบ้าง  แต่สำหรับผู้ที่ทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ยังไงผมก็จะขอสู้ต่อไปและจะไม่ยอมก้มหัวลงให้แต่อย่างได

"ปัญหาการหายตัวไปของนายบิลลี่ ผมมาทราบเอาเมื่อวันที่ 19 เม.ย. เนื่องจาก มีคนโทรมาถามว่าหัวหน้าจับบิลลี่ไปไหนและต่อมาผู้ช่วย ก็โทรมาถาม อีกผมก็บอกไปว่าปล่อยตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.แล้ว ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านพลุ ก็บอกว่าแต่ตอนนี้ หาตัวบิลลี่ไม่เจอ และติดต่อไม่ได้ไม่รู้หายไปไหน และยังถามผมอีกว่าจะทำยังไง ผมจึงแนะนำให้ไปแจ้งความคนหาย ดังนั้นเรื่องนี้ผมเองก็มีพยานอยู่แล้วว่าตอนที่ปล่อยนายบิลลี่ไปเป็นอย่างไร น้อง ๆที่ฝึกงานก็เห็นว่าวันนั้นนายบิลลี่ยังขี่รถจักรยานยนต์สวนทางกลับไป กระทั่งมาเป็นข่าวในที่สุด

“จะให้เราทำยังไงจับก็ผิด ปล่อยก็ผิด น้ำผึ้ง 5ขวดจะให้มาเป็นต้นเหตุคนหายนี่ เกินไปนะ เขาเองก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตอนที่จับกุม ก็มีชาวกะเหรี่ยงชุมชนในหมู่บ้านที่ด่านก็เยอะแยะนะ ไม่ใช่มีเพียงคณะเจ้าหน้าที่เท่านั้น คือมันเป็นที่สาธารณะ ทุกคนก็รู้ว่าบิลลี่เอาน้ำผึ้งมาและถูกเจ้าหน้าที่อุทยานจับ สุดท้ายพอเขาหายก็มาชี้ประเด็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่อุทยานนำตัวเขาไป ก่อนหน้านี้ผมรู้ว่าบิลลี่เป็น อบต.ผมไม่เคยรู้จัก ไม่เคยคุยกับเขาด้วยเลย"

ด้าน นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เปิดเผยว่า กรณีการหายตัวไปของ นายพอละจี จงเจริญ หรือบิลลี่ ชาวกะเหรี่ยงนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนนั้น เป็นการสะท้อนปัญหาโครงสร้างในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในเชิงลึกที่อุทยานซุกเอาไว้

ทั้งนี้เข้าใจว่า ที่ผ่านมา อุทยานฯกับชุมชนมีปัญหากระทบกระทั่งกันตลอดเวลา ทั้งเรื่องการจัดการพื้นที่และแนวเขตระหว่างที่ทำกินของชาวบ้านและที่อุทยานฯ กรณีในพื้นที่ป่าตะวันตก ที่ทางมูลนิธิ เข้าไปทำโครงการจอมป่าร่วมกับกรมอุทยานฯ เป็นความร่วมมือของชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่อุทยานฯโดยมีมูลนิธิเป็นคนกลาง ที่เข้าไปทำแนวเขตภายใต้หลักเกณฑ์ข้อยกเว้นการอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติ หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) 31 มิ.ย. 2541 คือ อนุโลมให้ คนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวก่อนการประกาศเป็นพื้นที่อุทยานฯหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ เข้าอยู่ได้ แต่ต้องมีการพิสูจน์สิทธิ โดยแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ

นายศศินกล่าวว่า โครงการจอมป่านั้น สามารถร่วมกับชาวบ้านและกรมอุทยานฯที่เข้าไปรังวัดพื้นที่ในป่าตะวันตก เวลานี้ได้แผนที่ที่ชัดเจนเป็นที่ยอมรับทั้งกรมอุทยานฯและชาวบ้านมาแล้วกว่า 100 เขต หลักการคือ คนอยู่กับป่าได้แต่ห้ามขยายอาณาเขตและที่ทำกินออกไป ชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ก็เข้าใจกันดีมาก ต่างกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่ทั้งเจ้าหน้าที่และชาวบ้านขัดแย้งกันอยู่เสมอ

"โดยส่วนตัวผมเห็นว่า นายชัยวัฒน์ เป็นคนจริงจังในการทำงาน มีคนรักมาก รักลูกน้องและทุ่มเทให้กับการทำงานเต็มที่ แต่ในมุมมืดของนายชัยวัฒน์ ก็ได้ยินมาเช่นกัน ทั้งนี้ในพื้นที่ก็มีข่าวการบุกรุกอุทยานฯแก่งกระจานออกมามาก เข้าใจว่า ส่วนหนึ่งคือการไม่ลงรอยกันระหว่างชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นข้อบกพร่องโดยตรงในการจัดการพื้นที่ป่าของกรมอุทยานแห่งชาติ และในฐานะที่นายชัยวัฒน์เป็นเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯๆก็ต้องออกมาให้ความกระจ่างในเรื่องนี้กับประชาชนด้วย"นายศศิน กล่าว

ด้าน นายนิพนธ์ โชติบาล รักษาการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้บางส่วนแล้ว แต่ยังไม่มีความชัดเจนมากพอ ต้องรอรายงานการชี้แจงจากนายชัยวัฒน์  และต้องสอบถามเรื่องนี้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย  ซึ่งนายชัยวัฒน์ ได้ชี้แจงเบื้องต้นแล้วว่า ได้ควบคุมตัวนายพอละจี แกนนำกะเหรี่ยงชาวบ้านบางกลอยจริง เนื่องจากมีความผิดเกี่ยวกับน้ำผึ้งป่า ได้ตักเตือนและปล่อยนายพอละจีแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ และนักศึกษาฝึกงานเป็นพยานได้

รักษาการแทนอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงสอบสวนหาข้อเท็จจริง ต้องสอบถามจากหลายปาก และเรื่องราวยังน่าสงสัยอยู่ คงต้องใช้เวลา 2-3 วันจากนั้นจะต้องคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องนี้อีกครั้ง อยากให้สังคมมั่นใจว่าหากสอบสวนแล้วนายชัยวัฒน์มีความผิดจริง ก็จะดำเนินการไปตามระเบียบของกรม และกระบวนการยุติธรรม

เมื่อถามว่าตามระเบียบที่เคยปฏิบัติกรณีที่ข้าราชการถูกฟ้องคดีอาญาหรือมีการร้องเรียนว่าทำผิดกฎระเบียบกรมอุทยานฯ จะต้องมีการสั่งพักราชการ หรือสั่งย้าย หรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า  ยังสรุปไม่ได้ว่ามีความผิดจริงหรือไม่ จึงต้องใช้เวลาในการสอบถามข้อเท็จจริงก่อน ส่วนคดีหรือเรื่องร้องเรียนนายชัยวัฒน์ ก่อนหน้านั้น คดีก็สิ้นสุดลงแล้ว และไม่มีความผิด ส่วนเรื่องปัจจุบันก็ต้องเริ่มสอบสวนกันใหม่ จะไม่ดำเนินการสองมาตรฐาน และไม่เข้าข้างแน่นอน