หอฯพะเยาชี้ต่างชาติหนีไทยไปเพื่อนบ้าน

พะเยา-หอการค้าจังหวัด เผยการเมืองร้อนทำให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติเลี่ยงมาไทย กำลังซื้อลด 10%

นายหัสนัย แก้วกุล ประธานสภาหอการค้าจังหวัดพะเยา กล่าวว่า ยอมรับว่าตั้งแต่เริ่มมีการชุมนุมทางการเมืองเป็นต้นมา แรกๆ ผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมยังพอรับได้ ไม่มีผลกระทบมากนัก แต่มาถึงเวลานี้การชุมนุมยืดเยื้อและส่อเค้าจะรุนแรงขึ้น เพราะมีการระดมพลังทั้งกลุ่มต่อต้านรัฐบาล กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ  ต่อมากลุ่มต่อต้านรัฐบาลมีมาตรการกดดันรัฐบาลมากขึ้น บุกยึดสถานที่ราชการ จนทำให้เกิดภาพลักษณ์ในสายตาของนักลงทุนต่างชาติที่จะมาลงทุนในประเทศไทยต้องชะลอการลงทุน และทบทวนตัดสินใจไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านของไทยแทน ส่วนนักลงทุนที่ทำธุรกิจอยู่ก็เริ่มใช้จ่ายเม็ดเงินอย่างระมัดระวัง ขณะที่นักท่องเที่ยวก็เริ่มชะลอตัวเช่นกัน

นายหัสนัย กล่าวต่อว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อผู้บริโภคและในภาวะระบบเศรษฐกิจเริ่มชัดเจนขึ้นในขณะนี้ เพราะได้มีการสำรวจพบว่า กำลังซื้อของประชาชนเริ่มลดลงประมาณ 10% ซึ่งกำลังซื้อที่ลดถดถอยลงถึงระดับนี้นับว่ามีผลกระทบมากแล้ว เมื่อประชาชนไม่มีกำลังซื้อ ด้านหนึ่งหมายถึงประชาชนไม่มีรายได้ อาจจะเพราะปัญหาเรื่องปากท้อง รายได้ไม่พอจ่าย หรือ ไม่มีรายได้เพราะไม่เกิดการจ้างงานเนื่องจากภาวะการเมืองที่กำลังร้อนแรง การดำเนินงานต่างๆ ของรัฐบาลก็ขับเคลื่อนลำบาก ผลกระทบตรงนี้ลงมาถึงระดับรากหญ้าแล้ว พ่อค้า แม่ค้าในตลาดสดสามารถรับรู้ได้ว่า กำลังซื้อของประชาชนเริ่มหายไป มีการใช้ระบบของแลกของกันในตลาดสด เพราะไม่กล้าใช้เงิน เงินที่มีต้องออมเนื่องจากไม่รู้ว่าเงินจะขาดมือเมื่อใด

"ดังนั้นในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายชุมนุมด้วยความสงบ สันติ อหิงสา ไม่ขัดแย้งกัน แกนนำไม่ควรใช้ถ้อยคำชี้นำให้กลุ่มผู้ชุมนุมเกลียดชังคนไทยด้วยกัน แต่ควรเรียกร้องให้ทุกฝ่ายออกมาหารือร่วมกัน เจรจากันด้วยเหตุผล อาจจะไม่ต้องยุบสภา เพราะผมคิดว่าการยุบสภาฯไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ หากปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข แต่ควรเจรจากันให้ได้ข้อตกลงมีทางออก ที่สำคัญผมคิดว่าหากยังไม่มีข้อยุติทางการเมือง คาดว่าเศรษฐกิจปี 2557 ต้องลำบากอย่างแน่นอน เพราะการลงทุนไม่มีใครกล้าตัดสินใจเนื่องจากสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรงไม่มีทางลง ดังนั้นรัฐบาลและกลุ่มต่อต้านต้องหาเจรจากัน" นายหัสนัย กล่าว