posttoday

พิจิตรข้าวหายบานปลายยอดทะลุ12,000ตัน

25 มิถุนายน 2556

ตำรวจสอบเอกสารอ.ต.ก.พบยอดข้าวโรงสีพิจิตรหายเพิ่มอีก 4,000ตัน ทำยอดรวมแตะ 12,000ตัน ด้านเจ้าของท่าข้าวชิงมอบตัวปัดไม่เกี่ยวข้าวหาย

ตำรวจสอบเอกสารอ.ต.ก.พบยอดข้าวโรงสีพิจิตรหายเพิ่มอีก 4,000ตัน ทำยอดรวมแตะ 12,000ตัน ด้านเจ้าของท่าข้าวชิงมอบตัวปัดไม่เกี่ยวข้าวหาย

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. พล.ต.ต. ศิรินทร์  ผดุงชีวิตร์  รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 กล่าวว่า ความคืบหน้าคดีโรงสี แอล-โกลด์ แมนูแฟคเจอร์ ฉ้อโกงชาวนาจำนวน96 ราย และยักยอกทรัพย์ข้าวเปลือก-ข้าวสาร ของ อ.ต.ก. จำนวน 8,000ตัน มูลค่าความเสียหายรวม 2 คดี 130 ล้านบาท ล่าสุดได้ตรวจสอบเอกสารของ อ.ต.ก.พบว่ามีข้าวที่ออกใบประทวนให้กับชาวนาไปแล้วสูญหายเพิ่มเติมอีก 4,000ตันจากเดิมที่สูญหายไปแล้ว 8 พันตันรวมเป็น 12,000 ตัน

ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารยืนยันว่าเป็นข้าวในโครงการรับจำนำฤดูกาลผลิตปี พ.ศ.ใด อย่างไรก็ตามข้าวสาร-ข้าวเปลือก ที่เหลืออยู่ 400 ตันในโกดังของโรงสีดังกล่าว อ.ต.ก.ตรวจสอบแล้วไม่ใช่ข้าวของ อ.ต.ก. ซึ่งคงต้องสอบสวนหารายละเอียดอีกครั้ง เพราะการสอบปากคำหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของ อ.ต.ก.พิจิตร ยังให้การวกวน ตำรวจจึงให้ไปเตรียมเอกสารมาให้พร้อมเพื่อการตอบข้อซักถามของพนักงานสอบสวนอีกครั้ง โดยเบื้องต้นยังไม่พบว่าเจ้าหน้าที่ของ อ.ต.ก.มีความผิดแต่อย่างใด

ด้าน พ.ต.ท.เนวิน กาหลง หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิจิตร เปิดเผยว่าชาวนา จาก ต.หัวดง ต.สายคำโห้ ต.ฆะมัง ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสิ้น 96 ราย โดยทุกคนให้การว่านำข้าวไปส่งมอบให้กับ นายอำนาจ ดิษฐเสถียร หรือ เสี่ยแกละ  อายุ 45 ปี เจ้าของท่าข้าวหัวดง ตำบลหัวดง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ตำรวจจึงไปขออำนาจศาลยุติธรรมจังหวัดพิจิตร ออกหมายจับในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน

อย่างไรก็ตามนายอำนาจได้เดินทางเข้ามามอบตัวและให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยยอมรับว่า ได้รับการแนะนำจากท่าข้าวสุนิตย์ ตะพานหิน ให้รู้จักกับเจ้าของโรงสีแอล-โกลด์ แมนูแฟคเจอร์ โดยจะให้ค่านายหน้าตันละ 300 บาท ในการหาข้าวส่งเข้าโรงสีในโครงการรับจำนำ ซึ่งตนได้ส่งข้าวไปแล้ว 3,204 ตัน รวม 147 ราย  ซึ่งก็ได้ใบประทวนไปให้ชาวนา 48 ราย จึงทำให้เกิดความเชื่อถือ จากนั้นชาวนาก็แห่กันมาจำนำข้าวกับตนจำนวนมาก โดยตนไม่รู้เลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

ทั้งนี้คำให้การของนายอำนาจเป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนคดีมาก เพราะโยงใยไปยังผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคน แต่เบื้องต้นไม่มีไปเกี่ยวพันกับเจ้าหน้าที่ของรัฐแน่อย่างใด 

ด้าน นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าฯพิจิตร  กล่าวว่า ได้กำชับเรื่องการอำนวยความสะดวกและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ที่สำคัญต้องใช้กฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้เกิดความสงบในบ้านเมือง