posttoday

พบลูกช้างตายกลางป่าสลักพระเมืองกาญจน์

21 มีนาคม 2556

เจ้าหน้าที่รุดสอบ คาดเกิดจากอุบัติเหตุ ยันไม่ใช่ลูกช้างที่หายตัวไป

เจ้าหน้าที่รุดสอบ คาดเกิดจากอุบัติเหตุ ยันไม่ใช่ลูกช้างที่หายตัวไป

เมื่อเวลา 10.00 น. นายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ รอง ผวจ.กาญจนบุรี นายสัตวแพทย์ สามารถ ประสิทธิ์ผล นายสัตวแพทย์ ชำนาญการพิเศษ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดกาญจนบุรี นายเกรียงศักดิ์ จตุรสุขสกุล หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ชินภัทร ตันศรีสกุล รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปตรวจซากลูกช้างป่าเพศเมีย อายุประมาณ 1 ปีเศษ หลังจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่เข้าไปหาผักหวาน โดยเดินเท้าเข้าไประยะทางประมาณ 4-5 กิโลเมตร ใช้เวลานานกว่า 1.30 ชั่วโมง จึงถึงจุดพบซากช้าง เหตุดังกล่าวเกิดที่บริเวณ เขาป่าโป่งเก้ง บ้านท่ามะนาว หมู่ 2 ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พบซากลูกช้างเสียชีวิตอยู่ในลักษณะนอนหมอบคุดคู้ คณะสัตวแพทย์ได้ทำการตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผลตามผิวหนัง หรือร่องรอยของการถูกทำร้ายแต่อย่างใด ซึ่งจากการใช้มือกดลงที่ผิวหนังตามส่วนต่างๆ ของร่างกายลูกช้างตัวดังกล่าว ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ จากนั้นคณะสัตวแพทย์ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.กาญจนบุรี ได้ทำกายถ่ายภาพส่วนต่างๆ เอาไว้อย่างละเอียด ต่อมาได้ทำการพลิกตัวลูกให้อยู่ในสภาพนอนหงายเพื่อผ่าซากช้าง และนำเอาชิ้นส่วนอวัยวะภายใน เช่น หัวใจ ปอด ตับ ม้าม ลิ้น ไต กระเพราะ เลือด เป็นต้น ไปพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต โดยคณะสัตวแพทย์ได้ใช้เวลาในการผ่าซากประมาณ 30 นาที จึงแล้วเสร็จ จากนั้นจึงให้เจ้าหน้าที่ทำการเผาซากลูกช้างในที่เกิดเหตุเพื่อทำลาย

นายสุริยันต์ เปิดเผยภายหลังว่า จากผลการตรวจเบื้องต้นของคณะสัตวแพทย์พบว่า ลูกช้างตัวดังกล่าวน่าจะเสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุ หรือไม่ก็ถูกสัตว์มีพิษทำร้าย และจากการสอบถาม  ชาวบ้านที่พบเห็นเป็นคนแรก ทราบว่าขณะที่ลูกช้างป่าตัวดังกล่าวนอนเสียชีวิตอยู่นั้น แม่ของช้างรวมทั้งช้างพี่เลี้ยงประมาณ 2-3 ตัว ก็ยังคงเดินวนเวียนอยู่รอบๆ ลูกช้าง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ลูกช้างป่าที่เสียชีวิต น่าจะไม่ใช่ลูกช้างที่หายไปจากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานแต่อย่างใด อีกทั้งผลการตรวจสภาพตามร่างกายไม่พบร่องรอยของการถูกทำร้ายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการพิสูจน์ของคณะสัตวแพทย์ให้แน่ชัดอีกครั้ง

ด้าน นายสัตวแพทย์สามารถ เปิดเผยภายหลังว่า จากการตรวจสอบครั้งแรกที่พบซากลูกช้าง คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8 ชั่วโมง สาเหตุเบื้องต้นสันนิษฐานไว้ 2 ประเด็น คือ 1.คาดว่าน่าจะเกิดจากอุบัติเหตุจากการที่โขลงช้างกลุ่มดังกล่าวมีอยู่ด้วยกันหลายตัว และช้างได้เล่นกันอย่างซุกซน ทำให้ช้างตัวอื่นเล่นพลาดเกิดชนลูกช้างตัวดังกล่าวบาดเจ็บและตกไถลลงตามเนินเขาจนทำให้อวัยวะภายในเกิดช้ำในและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ประเด็นที่ 2.อาจเสียชีวิตจากการถูกสัตว์มีพิษกัด เข้าที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งของร่างกายก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามเราได้ตัดเอาอวัยวะที่สำคัญไปตรวจทางวิทยาศาสตร์ให้แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน จึงจะทราบผลที่แน่ชัดในการเสียชีวิตของลูกช้างตัวนี้

พ.ต.อ.ชินภัทร กล่าวว่า พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผู้บังคับบัญชา ได้สั่งการให้ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบซากช้างอย่างละเอียด เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดเหตุฆ่าแม่ช้างเพื่อเอาลูกเหตุเกิดในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบดูว่าช้างป่าตัวดังกล่าวจะเป็นลูกช้างตัวเดียวกันหรือไม่ แต่จากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นจากชาวบ้านในพื้นที่ และลักษณะของภูมิประเทศ น่าจะเป็นลูกช้างป่าที่เกิดจากแม่ช้างป่าในพื้นที่แห่งนี้ อย่างไรก็ตามเราได้เก็บเนื้อเยื่อของลูกช้าง พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากคณะสัตวแพทย์ ที่ทำการผ่าซากให้ช่วยตรวจผลดีเอ็นเอ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับ ดีเอ็นเอ ของแม่ช้างที่ถูกฆ่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานอีกทางหนึ่งด้วย

ทางด้าน นายประวุธ เปรมปรีดิ์ ผช.หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เปิดเผยว่า ช้างป่าที่อาศัยอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระมีอยู่ประมาณ 270 - 300 ตัว แต่โขลงที่ลูกช้าป่าอาศัยอยู่รวมกันมีอยู่ประมาณ 6 ตัว คาดว่าลูกช้างที่เสียชีวิตไม่ใช่ลูกช้างป่าที่หายไปจากอุทยานแห่งชาติตามที่เป็นข่าวอย่างแน่นอน แต่เพื่อความชัดเจน ต้องรอผลพิสูจน์จากคณะสัตวแพทย์เพื่อเป็นการยืนยันให้แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง