ตรังตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาพะยูนตาย
ตรังตั้งคณะทำงานใช้แผนแม่บทแก้ปัญหาพะยูนตายแหล่งอนุรักษ์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
ตรังตั้งคณะทำงานใช้แผนแม่บทแก้ปัญหาพะยูนตายแหล่งอนุรักษ์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
สพ.ญ.พัชราภรณ์ แก้วโม่ง นายสัตวแพทย์กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลฝั่งอันดามันจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ได้มีการหารือร่วมกับหลายๆ ภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดตรัง เช่น ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรและชายฝั่งที่ 6 อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ประมงอำเภอกันตัง สมาคมหยาดฝน และแกนนำชาวประมงพื้นบ้าน 4 อำเภอ คือ หาดสำราญ สิเกา กันตัง ปะเหลียน หลังจากในช่วงที่ผ่านมาได้เกิดปัญหาสัตว์ทะเลหายาก โดยเฉพาะพะยูน โลมา และเต่าทะเล ตายเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ในปี 2555 พบพะยูนลอยตายในท้องทะเลตรังจำนวน 11 ตัว ซึ่งถือว่ามากที่สุดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา (2535-2554) และจากการสำรวจทางอากาศเมื่อต้นปี 2555 พบพะยูนเพียง 110-135 ตัว ถือว่ามีจำนวนลดลงเมื่อเทียบกับผลการสำรวจที่บริเวณเกาะมุกด์ และเกาะลิบง อำเภอกันตัง ซึ่งเป็นแหล่งพะยูนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เมื่อปี 2554 ซึ่งพบพะยูน 134-150 ตัว ทำให้พะยูนในพื้นที่จังหวัดตรัง มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง และพะยูนที่เกยตื้นร้อยละ 95 ตายจากการจมน้ำขณะติดเครื่องมือทำประมง คือ อวนลอย เบ็ดราไว โป๊ะน้ำตื้น
สพ.ญ.พัชราภรณ์ กล่าวอีกว่า พะยูนจำนวนหนึ่งน่าจะมีโอกาสรอดชีวิต แต่ก็ต้องมาตายจากการถูกฆ่าเพื่อนำเขี้ยวและชิ้นส่วนอื่นๆ ไปเป็นเครื่องประดับ และอีกร้อยละ 10 ตายจากการป่วยโดยพยาธิ ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมจากสภาวะมลพิษ นอกจากนี้ ยังพบมีการอพยพย้ายถิ่นของพะยูนจากจังหวัดตรัง ไปยังแหล่งหญ้าทะเลใกล้เคียง เช่น ที่เกาะศรีบอยา จังหวัดกระบี่ เป็นต้น ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากผลกระทบทางลบจากการสัญจร และกิจกรรมทางทะเล หรือการเสื่อมโทรมลงของแหล่งหญ้าทะเล โดยเฉพาะชนิดใบมะขาม ที่พะยูนชอบกิน
นอกจากนี้นายสัตวแพทย์กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลฝั่งอันดามัน จังหวัดภูเก็ต เปิดเผยอีกว่า ล่าสุดได้มีการคัดเลือกคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อให้แผนแม่บทมีการบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีการติดตามตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังลดอัตราการตายของกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ทั้งพะยูน โลมา และเต่าทะเล ส่วนผลการประชุมร่วม 2 จังหวัดฝั่งอันดามันล่าสุด ก็จะนำไปปรับใช้กับแหล่งหญ้าทะเลในจังหวัดภูเก็ต เพื่อผลักดันให้เป็นแหล่งอาศัยของพะยูนที่ปลอดภัยอีกแหล่งหนึ่งในฝั่งอันดามันต่อไป