posttoday

ลำปาง-แพร่อ่วมหมอกควันปกคลุมทั่วเมือง

14 มีนาคม 2556

ลำปาง-แพร่ยังวิกฤตหมอกควันไฟปกคลุมตัวเมืองเตือนออกจากที่โล่งแจ้งสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละออง

ลำปาง-แพร่ยังวิกฤตหมอกควันไฟปกคลุมตัวเมืองเตือนออกจากที่โล่งแจ้งสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละออง

นายสุวิทย์ ขัตติยวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง กล่าวว่า วันนี้สถานการณ์หมอกควันไฟที่ปกคลุมพื้นที่จ.ลำปางหนักมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา ตั้งแต่มีการเฝ้าระวัง ตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา โดยในเขตตัวเมืองลำปางมีหมอกควันไฟปกคลุมให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งประชาชนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดังนั้นหากประชาชนอยู่ในที่โล่งแจ้งควรสวมหน้ากากป้องกันการสัมผัสฝุ่นละอองในหมอกควันไฟ เพื่อป้องกันฝุ่นขนาดเล็กเข้าไปติดภายในโพรงจมูกทำให้เกิดคัดจมูกและเกิดจาม เมื่อสูญอากาศเข้าไป 
 
นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า ถึงแม้ทางจังหวัดลำปาง และ จ.แพร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทางสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปางดูแลอยู่จะสามารถควบคุมการเผาในที่โล่งแจ้ง ที่เกิดการเผาไหม้ในพื้นที่การเกษตร และตามหมู่บ้านได้ แต่การเกิดการเผาไหม้ในพื้นที่ป่ายังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นบริเวณกว้าง สาเหตุสำคัญ คือ ยังมีประชาชนที่เข้าไปในป่าเพื่อหาของป่าแล้วจุดไฟเผาป่าจนทำให้สถานการณ์หมอกควันใน จ.ลำปาง และ จ.แพร่ หนักมากยิ่งขึ้น
 
สำหรับรายงานค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองในหมอกควันไฟ ประจำวันที่ 14 มี.ค. นี้ จ.ลำปาง วัดค่าได้ 204 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร บริเวณสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัติโนมัติของกรมควบคุมมลพิษ ที่ตั้งอยู่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลท่าสี อ.แม่เมาะ ส่วนที่สถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง อ.เมือง เขตเทศบาลนครลำปาง วัดได้ 139 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลสบป้าด อ.แม่เมาะ วัดได้ 134 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
 
ขณะที่จ.แพร่ สถานีตั้งอยู่บริเวณสถานีอุตุนิยมวิทยาแพร่ อ.เมือง เขตเทศบาลเมืองแพร่ วัดได้ 205  ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรทั้งนี้ ถือว่าค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองดังกล่าว ของทั้ง 2 จังหวัด อยู่ในเกณฑ์สูงมาก และเป็นสถิติที่พุ่งสูงสุดในปีนี้ เนื่องจากค่าเฉลี่ยพุ่งสูงเกิน 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยพุ่งสูงเกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
 
ทางสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง จึงได้มีหนังสือกำชับไปยังจังหวัดที่ดูแลอยู่ ได้แก่ จ.ลำปาง และ จ.แพร่ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินมาตรการควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เกษตร การเผาริมทาง และพื้นที่ป่า อย่างเร่งด่วน และให้ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ลักลอบเผาโดยเฉียบขาด โดยเฉพาะผู้ที่ลักลอบเข้าไปเผาป่า  นอกจากนี้  ขอให้ออกประกาศเตือนภัยสถานการณ์อย่างคลอบคลุม เพื่อให้ประชาชนป้องกันตนเอง โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวมากที่สุด