posttoday

ถกเครียดรักษาอาการอาพาธหลวงพ่อคูณ

05 ธันวาคม 2555

คณะแพทย์หารือเครียดลูกศิษย์แนวทางรักษาอาการอาพาธส่งหลวงพ่อคูณ

คณะแพทย์หารือเครียดลูกศิษย์แนวทางรักษาอาการอาพาธส่งหลวงพ่อคูณ

นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์  แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ได้นำคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการติดเชื้อ และด้านระบบทางเดินหายใจ ได้เข้าทำการตรวจอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณเป็นรอบที่ 2 ของวันนี้ หลังจากที่อาการอาพาธของหลวงพ่อคูณถือว่าทรงตัวจากทุกๆวันที่คณะแพทย์ได้ทำการรักษา ซึ่งแนวทางในการรักษาก็ยังคงใช้แนวทางในการรักษาในแนวทางเดิม แต่สภาพน้ำในปอดทั้ง 2 ข้าง ของหลวงพ่อคูณยังคงมีปริมาณน้ำ เสมหะก็ยังคงมีอยู่ปริมาณมาก
 
อีกทั้งอาการเหนื่อยหอบก็ยังไม่ลดลง โดยได้ใช้เวลาในการตรวจนานกว่า 30 นาที ก่อนที่นายแพทย์พินิศจัย  นาคพันธุ์ จะออกมาหารือกับ น.ส.จู ปะริสุทชาติ (เจ๊จู)และ นายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ (ไก่โต้ง) ลูกศิษย์ใกล้ชิดของหลวงพ่อคูณ ซึ่งเป็นกรรมการวัดบ้านไร่ อย่างเคร่งเครียดเพื่ออธิบายในการรักษาพร้อมทั้งปรึกษาหารือถึงแนวทางในการรักษาหลวงพ่อคูณ เนื่องจากหากผลการตรวจน้ำในปอดที่คณะแพทย์ดูดออกส่งเพาะในห้องเล็บพบว่าเป็นหนองก็อาจจะต้องส่งตัวหลวงพ่อคูณไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร 
 
นพ.พินิศจัย กล่าวว่า จากการตรวจอาการของหลวงพ่อคูณแล้วก็คล้ายเดิม เช่น ท่านยังเหนื่อย อ่อนเพลีย และยังมีเสมหะมาก ยังมีไข้ 37.5 – 38 องศาฯอยู่ระดับเดิม แต่ผลจากการตรวจดูข้อมูลจากการเอ็กซเรย์ในช่วงสายวันนี้ดูเหมือนว่า จะเริ่มดีขึ้นบ้าง อ๊อกซิเจนในเลือดเริ่มดีขึ้น แต่ปัญหาตรงที่หลวงพ่อยังไม่ไข้อยู่ หรือไข้ยังไม่ลด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นจากพยาธิสภาพในปอดของหลวงพ่อด้วย แต่การที่คณะแพทย์ได้ให้ยาปฏิชีวนะที่ให้อยู่นั้นก็ได้ให้เป็นชนิดที่ควบคุมแบบกว้าง แต่เนื่องจากอายุหลวงพ่อก็มาก อีกทั้งหลวงพ่อมีถุงลมโป่งพอง มีวัณโรคปอดทำให้เนื้อปอดบางส่วนแฟบ ดังนั้นทำให้พอมีภาวะอักเสบของปอดที่รุนแรงจากการสำลักกรดในกระเพาะเข้าไปสู่ปอดทั้งสองข้างและติดเชื้อทำให้การตอบสนองการรักษาคงจะให้เหมือนคนทั่วไป ซึ่งก็ทำให้คณะแพทย์รักษาแบบประคับประครองไป ส่วนผลการเพาะเชื้อในห้องปฏิบัติการสำหรับเสมหะออกมาแล้วเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ค่อนข้างจะดื้อยา แต่สอบสนองกับยาที่ให้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ผลเพาะเชื้อน้ำในช่องปอดยังไม่ออก 
 
อย่างไรก็ตามในวันศุกร์ที่ 7 ธ.ค.นี้ คณะแพทย์จะทำการประเมินหลวงพ่อคูณอีกครั้งหนึ่งหลังได้รับย่าปฏิชีวนะครบ 1 สัปดาห์   ส่วนการย้ายไปยังโรงพยาบาลศิริราช ถ้ามีความจำเป็น และถ้าคิดว่าไปที่โน้นแล้วน่าจะได้รับการรักษาที่ดีกว่าและเมื่อเทียบกับการที่ท่านจะต้องเดินทางคณะแพทย์คิดว่าก็ต้องจะตัดสินใจส่งตัวท่านไป เพราะทางคระแพทย์ก็ทำอย่างนี้โดยตลอดอยู่แล้ว และก็ได้มีการประสานกับโรงพยาบาลศิริราชโดยตลอด ส่วนปัจจัยการตัดสินใจตอนนั้นที่จะต้องส่งตัวไป  เช่น ถ้าผลเพาะเชื้อเป็นเรื่องหนองอันนั้นอาจจะต้องพิจารณาส่งไปโรงพยาบาลศิริราช  ถ้าน้ำยังอยู่ แต่ถ้าน้ำหายไปแล้วและท่านดีขึ้นก็อาจจะไม่จำเป็น ซึ่งน้ำในช่องปอดที่ส่งไปเพาะเชื้อผลน่าจะออกมาในอีก 2 วัน
 
ขณะเดียวกัน นายครึ้ม  ฉัตรพลกรัง อายุ 93 ปี ชาวจังหวัดนคราชสีมา (พี่ชายหลวงพ่อคูณ) และนางคำมั่น  วงษ์กาญจนารักษ์ อายุ 86 ปี ชาวจังหวัดลพบุรี (น้องสาวหลวงพ่อคูณ) ได้เดินทางเข้ามาเยี่ยมอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ หลังจากทราบข่าวอาการอากาพาธของน้องชายและพี่ชายของตนเอง ซึ่งขณะที่เข้าเยี่ยมลูกศิษย์ที่ดูแลหลวงพ่อคูณ ก็ได้ให้ทั้ง 2 คน สวมหน้ากากอนามัยพร้อมทั้งล้างเจลล้างมือ ก่อนที่จะเข้าไปยังในห้องที่มีกระจกกั้นเพื่อป้องกันการติดเชื้อแก่หลวงพ่อคูณ ซึ่งทั้ง 2 ต่างตั้งจิตอธิฐานของให้หลวงพ่อคูณหายจากอาการอาพาธโดยเร็ว อย่าให้โรคภัยไข้เจ็บต้องมาเบียนเบียด อยู่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน