posttoday

คาด30วันสรุปสำนวนโรงสีโคราชโกงจำนำข้าว

15 กันยายน 2555

ตำรวจโคราช เร่งสอบปากคำ ข้าวโครงการรับจำนำหายจากโกดังกว่า 11,000 ตัน คาดไม่เกิน30วันสรุปสำนวนส่งฟ้อง

ตำรวจโคราช เร่งสอบปากคำ ข้าวโครงการรับจำนำหายจากโกดังกว่า 11,000 ตัน คาดไม่เกิน30วันสรุปสำนวนส่งฟ้อง

 

คาด30วันสรุปสำนวนโรงสีโคราชโกงจำนำข้าว

ความคืบหน้ากรณีองค์การคลังสินค้า (อคส.)ได้เข้าตรวจสอบปริมาณข้าวเปลือกที่เข้าโครงการรับจำนำข้าวนาปี ปีการผลิต 2554/2555 จ.นครราชสีมา ของโกดังเก็บข้าวเปลือกและข้าวที่ถูกแปรสภาพ ภายในบริษัท โรงสีธัญญรุ่งเรืองชัย (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 388 หมู่ที่ 8 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา และพบว่ามีข้าวเปลือกปริมาณกว่า 11,000 ตัน ได้หายไปจากโกดังเก็บข้าวและได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของโรงสี ในข้อหายักยอกทรัพย์  นั้น

ล่าสุด พ.ต.อ.ชนัตถ์ กวีขาวฉลาด ผู้กำกับการ สภ.จอหอ จ.นครราชสีมา  เปิดเผยว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบปากคำผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไปแล้วจำนวน 15 ปาก และผลจากการตรวจสอบระบบการดูแลความปลอดภัยของโรงสีฯ และระบบการขนย้ายข้าวเปลือกจากโกดังหนึ่งไปอีกโกดังหนึ่ง ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างไร ส่วนในกรณีการแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของโรงสีฯในข้อหายักยอกทรัพย์ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการแจ้งความกับนางปทิตตา ประศิตานนท์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 388 หมู่ที่ 8 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา กรรมการบริษัท โรงสีธัญญรุ่งเรืองชัย (ประเทศไทย) จำกัด แล้วได้ทำการปล่อยตัวชั่วคราว โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัวแต่อย่างไร เนื่องจากผู้ต้องหาได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง ส่วนอีก1 ราย ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมแจ้งข้อกล่าวหายักยอกทรัพย์ ก็คือ นายอภิชา ประศิตานนท์  กรรมการบริษัท โรงสีธัญญรุ่งเรืองชัยฯ สามี ส่วนที่ยังไม่สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้นั้นเนื่องจากขณะนี้ นายอภิชา ได้เดินทางไปต่างประเทศ ดังนั้นหากเดินทางกลับมายังประเทศไทยก็จะแจ้งให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาทันที

ส่วนกรณีที่มีการชี้แจงว่า จำนวนข้าวเปลือกจำนวน 11,000 ตัน ได้ถูกนำไปทำการแปรรูปอีกแห่งหนึ่งของบริษัทฯที่มีเจ้าของคนเดียวกันที่ห่างไปประมาณ 6 กิโลเมตร ตั้งอยู่เลขที่ 51 หมู่ที่4 ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา และสามารถตรวจสอบได้ นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเข้าไปทำการตรวจข้าวเปลือกภายในโรงสีฯได้ เนื่องจากอยู่ในความรับผิดชอบของ อคส.ที่จะต้องเป็นผู้ที่เข้าไปตรวจสอบเอง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีความถนัดในเรื่องของการตรวจเช็คข้าวเปลือก แต่อย่างไรก็ตามหาก อคส.ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มีการนำเข้าตรวจสอบตนก็พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้ แต่อย่างไรก็ตามแนวทางการสอบสวนต่อจากนี้ไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น จากการสอบปากคำ และพยานวัตถุ รวบรวมสรุปสำนวน เพื่อส่งพนักงานอัยการ และส่งฟ้องศาล คาดว่า ไม่น่าเกิน 30 วัน จะแล้วเสร็จ