posttoday

นักข่าวอ้างเป็นตำรวจรื้อร้านเกม-อินเตอร์เน็ท

09 กันยายน 2555

นักข่าวอ้างตัวเป็นตำรวจชักปืนยิงขู่-ทำร้ายร่างกายร้านเกม-อินเตอร์เน็ทเชียงราย เจ้าของลั่นเอาผิดถึงที่สุด

นักข่าวอ้างตัวเป็นตำรวจชักปืนยิงขู่-ทำร้ายร่างกายร้านเกม-อินเตอร์เน็ทเชียงราย เจ้าของลั่นเอาผิดถึงที่สุด

 

นักข่าวอ้างเป็นตำรวจรื้อร้านเกม-อินเตอร์เน็ท ภาพจากกล้องวงจรปิด

ที่จ.เชียงราย เกิดเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกเข้าไปในร้านเกม-อินเตอร์เน็ตชื่อร้าน เวอร์จิ้นเน็ต เลขที่ 665/4 ถ.ศรีเกิด ในเขตเทศบาลนครเชียงราย และมีการแพร่ภาพเหตุดังกล่าวผ่านทางยูทูป และสังคมออนไลน์ 

ในภาพแสดงให้เห็นว่า กลุ่มชายฉกรรจ์ได้เข้าไปทำร้ายร่างกาย คนดูแลร้านทั้งชาย-หญิง และเจ้าของร้าน มีการเตะ-ถีบ-ผลักรถจักรยานยนต์ของผู้ไปใช้บริการจนล้มลงหลายคัน รวมทั้งได้ชักอาวุธปืนพกสั้นยิง เพื่อข่มขู่อีกหลายนัด

จากการตรวจสอบเวลาต่อมาพบว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.00น.ของวันที่ 8ก.ย.55จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณอาคารการเคหะแห่งชาติหลังอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ห่างจาก สภ.เมืองเชียงราย และกองบังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงราย เพียงเล็กน้อย

ร.ต.ท.ศักรินทร์ บุรีแก้ว รอง สวป.สภ.เมืองเชียงราย เป็นผู้รับแจ้งเหตุได้รับแจ้งมีเหตุรุนแรงขึ้นที่ร้านเกมส์เวอร์จิ้นเน็ต จึงไปตรวจสอบพบชาย 2 คน กำลังทะเลาะวิวาทกับคนในร้านจึงเข้าไประงับเหตุ แต่ชายทั้งคู่ได้เดินเลี่ยงไปข้างร้าน ก่อนจะมีเหตุตะลุมบอนกันขึ้นอีก และชายอีกคนกลับยิงปืนขึ้นฟ้าจำนวน 3 นัด
      
ชายฉกรรจ์ทั้งคู่อ้างตัว เป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น และผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ส่วนกลางอีก 1 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาครอบครองอาวุธปืนและพกพาอาวุธปืนเข้ามาในเมืองโดยไม่มีเหตุอันสมควร และยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
      
ทั้งคู่ให้การปฏิเสธและไม่ยอมลงชื่อรับทราบข้อกล่าวหา และมีการประกันออกไปสู้คดีแล้วด้วยวงเงินรวมทั้ง 2 คน ประมาณ 200,000 บาท
      
ต่อมา นายธัชพล พันธุศิลป์ อายุ 32 ปี เจ้าของร้านเวอร์จิ้นเน็ต และเป็นประธานชมรมร้านเกม ได้นำหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านและเอกสารการรักษาตัวเข้าแจ้งความเพิ่มเติม พร้อมเปิดเผยว่าคนกลุ่มเดียวกันนี้ ร่วมกับชายฉกรรจ์อีก 2 คน รวมเป็น 4 คน อ้างเป็นตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ เข้าไปตรวจร้านเกมอ้างว่า ปล่อยให้เด็กเข้าไปเล่นเกินเวลา โดยได้นำสติ๊กเกอร์ไปติดหน้าร้านระบุว่า เปิดเกินเวลา แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ได้ต่อรองให้จ่ายเงินให้เดือนละ 2,000-3,000 บาท แต่เมื่อไม่ยอมจ่าย จึงเกิดเหตุทำร้ายร่างกายดังกล่าว

ทั้งนี้หลังเกิดเหตุได้มีคนพยายามโทรศัพท์ไปขอให้ถอนแจ้งความ แต่ตนไม่ยอมและจะต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด ทราบว่าบุคคลดังกล่าวก็ไม่ใช่ตำรวจจริง แต่เป็นนักข่าวแขนงหนึ่ง เคยก่อพฤติกรรมเช่นนี้กับร้านอื่นเช่นกัน