posttoday

จี้ผุดเขื่อนป้องคลื่นกัดเซาะหาดปากเมง

13 กรกฎาคม 2555

เอกชนตรังเรียกหน่วยงานรัฐเร่งสร้างเขื่อนตามแนวชายหาดป้องกันคลื่นกัดเซาะปากเมง

เอกชนตรังเรียกหน่วยงานรัฐเร่งสร้างเขื่อนตามแนวชายหาดป้องกันคลื่นกัดเซาะปากเมง

 

จี้ผุดเขื่อนป้องคลื่นกัดเซาะหาดปากเมง

นายประทีป โจ้งทอง นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตรัง กล่าวว่า ภาคเอกชนเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเร่งสร้างเขื่อนแนวชายหาดปากเมงทั้งหมดอย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันคลื่นลมมรสุมกัดเซาะชายฝั่งทำให้ต้นสนที่หักโค่นล้มทับทรัพย์สินได้รับความเสียหายเป็นวงกว้างและยิ่งรุนแรงมากขึ้นทุกปี   แม้ว่าพื้นที่ดังกล่าวจะอยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม  แต่ทุกฝ่ายควรรีบเร่งมาหารือและหามาตรการป้องกัน ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตอีก 3 ปีข้างหน้าหากปล่อยไว้เช่นนี้จะไม่มีต้นสนหลงเหลืออยู่คู่กับชายหาดปากเมงแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดตรัง   รวมไปถึงพื้นที่ชายฝั่งอื่นๆ ที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะเข้ามาแล้วถึง 50 เมตร  โดยทุกๆ ปีเมื่อเกิดคลื่นลมมรสุมขึ้นในทะเลตรัง  ก็จะทำให้ต้องสูญเสียพื้นที่ชายหาดไปเป็นจำนวนมาก
 
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ไม้ฝาด ไม่สามารถเข้าไปตัดแต่งกิ่งต้นสนบริเวณชายหาดปากเมง เพื่อไม่ให้โค่นล้มลงได้เนื่องจากเป็นพื้นที่ของอุทยาน ถ้าหากเข้าไปดำเนินการใดๆ ก็อาจถูกดำเนินคดีได้  ต้องรอทำเรื่องขออนุญาตไปยังอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  ซึ่งกว่าจะดำเนินการได้ ต้นสนก็ล้มทับบ้านเรือน และทรัพย์สินเสียหายแล้ว
ด้านนายณรงค์ คงเอียด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมจังหวัดตรัง กล่าวว่า  ที่ผ่านมาทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามหามาตรการป้องกัน  โดยการสร้างเขื่อนป้องกันตั้งแต่หน้าโรงแรมอนันตรา รีสอร์ท มาจนมาถึงชายหาดปากเมงบางส่วนระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งก็สามารถป้องกันการกัดเซาะของน้ำทะเลได้ในระดับหนึ่ง
 
ทั้งนี้สำหรับต้นสนที่เสื่อมสภาพและเสี่ยงต่อการหักโค่นล้มนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบอยู่แล้ว  แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คิดว่าจะรุนแรงเช่นนี้  แต่หากชาวบ้านแจ้งมา ทางอุทยานก็จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตัดทำลายทิ้งเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อนักท่องเที่ยวและทรัพย์สิน  ส่วนการที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจังหวัดตรังเรียกร้องให้สร้างเขื่อนบริเวณชายหาดนั้น โดยส่วนตัวเห็นว่าหากสามารถทำได้จะช่วยป้องกันคลื่นลมมรสุมได้เป็นอย่างดี  แต่อาจทำให้เสียทัศนียภาพในการท่องเที่ยวไป