posttoday

ราชบุรีพบเด็กป่วยมือปากเท้า116ราย

12 กรกฎาคม 2555

พบเด็กนักเรียนโรงเรียนในจ.ราชบุรีป่วยเป็นโรคมือปากเท้าเปื่อยแล้ว 116 ราย

พบเด็กนักเรียนโรงเรียนในจ.ราชบุรีป่วยเป็นโรคมือปากเท้าเปื่อยแล้ว 116 ราย

นพ.สุริยะ  คูหะรัตน์  รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี  กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่จ.ราชบุรี   พบเด็กนักเรียนที่ป่วยเป็นโรคปากมือเท้าเปื่อย  แต่ยังไม่ทราบว่าติดเชื้อไวรัส ชนิดใด เนื่องจากว่าทางผู้ปกครองพาเด็กไปตรวจรักษาเองตามคลีนิค ซึ่งไม่ได้มีการเก็บตัวอย่างเชื้อไวรัสไว้ โดยที่ผ่านมาพบผู้ป่วยจำนวน 116 ราย ล่าสุดขณะนี้พบผู้ติดเชื้อที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.บ้านโป่ง  จ.ราชบุรี จำนวน 24 ราย ซึ่งทางผู้อำนวยการของโรงเรียนได้ทำการสั่งปิดโรงเรียนแล้วตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. และทำการทำความสะอาดโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อไปแล้วในวัน 12 ก.ค. จะทำการเปิดเรียนในวันที่ 16 ก.ค. ส่วนเขต อ.โพธาราม พบ 1 โรงเรียน มีเด็กผู้ป่วย 12 ราย ได้สั่งปิดโรงเรียนในวันนี้   เขต อ.เมือง พบ 1 โรงเรียน ผู้ป่วย 9 ราย 
 
นพ.สุริยะ  กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้ทุกโรงเรียนในเขตจังหวัดราชบุรี  โดยเฉพาะศูนย์เด็กเล็กให้ทำการเฝ้าระวัง ถ้าพบเด็กมีอาการให้หยุดโรงเรียนหรือถ้าพบหลายคนก็ให้ทางผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้พิจารณาในการสั่งปิดโรงเรียนทันที อย่างไรก็ตามเชื้อโรคปากมือเท้าเปื่อยที่พบนั้นไม่ได้รุนแรงอะไร เด็กที่ได้รับเชื้อโรคนี้จะมีอาการไข้ต่ำๆ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย หลังจากมีไข้ 2-3 วัน เด็ก จะเริ่มเจ็บคอหรือเจ็บปากเวลาดูดนมหรือรับประทานอาหาร มีอาการน้ำลายไหล ปฏิเสธอาหารและน้ำ ถ้าให้เด็กอ้าปาก จะเริ่มเห็นมีแผลในปากและเริ่มมีผื่นที่บริเวณมือ เท้าและก้น ในอีก 2-3 วันต่อมา เด็กๆ จะมีอาการอาเจียน ท้องร่วง ซึมไม่วิ่งเล่นเหมือนเดิม 
 
ทั้งนี้หากติดเชื้อแล้วจะเริ่มแสดงอาการป่วยภายใน 3-5 วันหลังได้รับเชื้อจะมีไข้สูงในช่วง 1-2 วันแรก และลดลงเป็นไข้ต่ำๆ อีก 2-3 วัน มีจุดหรือผื่นแดงอักเสบในปาก ทำให้เจ็บปากไม่อยากรับประทานอาหาร จะเกิดผื่นแดงซึ่งจะกลายเป็นตุ่มพองใสรอบๆ แดง ที่บริเวณฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า และอาจพบที่อื่น เช่น ก้น หัวเข่า อาการจะดีขึ้นและแผลหายไปใน 7-10 วัน ในเด็กทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี บางรายอาจมีอาการแทรกซ้อนรุนแรง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ   ก้านสมองอักเสบ   ตามมาด้วยปอดบวมน้ำ  กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ระบบหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ทำให้เสียชีวิตได้  ดังนั้นการป้องกันจึงมีความสำคัญมากควรสอนเด็กๆ ให้รู้จักวิธีปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยที่ดี เช่น ให้ล้างมือให้สะอาดเมื่อออกจากห้องน้ำ และก่อนรับประทานอาหาร ซึ่งน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด