ชูชาติแนะปรับปรุงปากคลองตลาด
ชูชาติหวั่นทุนใหญ่รุกตลาดดอกไม้ แนะปรับปากคลองตลาดให้น่าเดินขึ้น
ชูชาติหวั่นทุนใหญ่รุกตลาดดอกไม้ แนะปรับปากคลองตลาดให้น่าเดินขึ้น
วันที่ 27 ก.พ. ที่องค์การตลาด สาขาตลิ่งชัน นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ รมช.มหาดไทย ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบาย เป็นครั้งแรก ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง โดยมีนายธีธัช สุขสะอาด ผอ.องค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการองค์การตลาดให้การต้อนรับ
นายธีธัช เปิดเผยว่า องค์การตลาด มีอายุครบ 59 ปีในปีนี้ โดยมีความรับผิดชอบหลักคือตลาด 5 ตลาด รวมถึงตลาดปากคลองตลาด และบริการจัดส่งอาหารสดไปยังเรือนจำทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม องค์การตลาดยังประสบภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง จึงต้องปรับโครงสร้างองค์กร ให้กระชับ และคล่องตัวมากขึ้น รวมถึงส่งเสริมช่องทางการขายเพิ่มเติม โดยร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเครือข่ายอื่น ๆ ของกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้รัฐวิสาหกิจแห่งนี้เดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาภาระจากทางรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ก็ประสบภาวะขาดทุนลดน้อยลง แต่ยังต้องอาศัยวิสัยทัศน์ รวมถึงการวางแผนในระยะยาวต่อไป
ขณะที่นายชูชาติ กล่าวว่าที่ผ่านมาตัวเลขการบริหารงานขององค์การตลาด ทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ถามถึงสถานะว่า จะสามารถทำให้กลับมาประกอบการอีกได้หรือไม่ หรือจะต้องยุบลงเหมือนองค์การขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (รสพ.) ที่ถูกยุบลงในช่วงรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงได้เดินทางมาตรวจเยี่ยม และรับฟังวิสัยทัศน์ของคณะกรรมการบริหาร และมีทิศทางในการเติบโตมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขอฝากว่าการจัดการตลาดจะต้องแสวงหาโอกาส ทิวทัศน์ต้องสวยงาม น่าเดินชม และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม มากกว่าจะปล่อยให้พ่อค้าแม่ค้า จัดการกันตามใจชอบ
นายชูชาติกล่าวในที่ประชุมอีกว่า ขณะนี้มีนายทุนวางแผนจะเปิดตลาดค้าส่งดอกไม้ขนาดใหญ่และครบวงจร ขึ้นที่จ.ปทุมธานี ซึ่งอาจทำให้ตลาดปากคลองตลาด ที่เป็นตลาดค้าปลีกและค้าส่งดอกไม้ขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศขนาดนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จึงขอฝากให้ผู้บริหารองค์การตลาด และผู้บริหารบริษัท ปากคลองตลาด 2552 จำกัด ซึ่งรับผิดชอบตลาดปากคลองตลาดอยู่ขณะนี้วางแผนให้ดี โดยอาจเพิ่มจุดขายในความเป็นตลาดเก่า อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงอาจทำบรรยากาศให้ปลอดโปร่ง น่าเดินมากยิ่งขึ้น เพื่อดึงดูดลูกค้า เพราะโอกาสของปากคลองตลาดนั้นมีทั้งชื่อเสียง และเป็นตลาดเพียงแห่งเดียวที่ขายดอกไม้มากขนาดนี้ หากปล่อยให้นายทุนคนอื่นทำธุรกิจแข่งก็ถือว่าน่าเสียดาย และทำให้องค์การตลาดเสียโอกาสตามไปด้วย