“สมโภช ทับเจริญ” ชายผู้สร้างเงิน 1,500 ล้านจากพื้นที่เกษตร
อดีตข้าราชการวัยเกษียณพลิกฟื้นที่ดินไร่ราคา 5 บาท สู่ไร่ละกว่า 10 ล้านบาท ด้วยเกษตรกรรม Farm to Table
เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : อัศวิน ปิ่นใจ,ปัณณธร แจ้งประโคน
ท่ามกลางเมืองที่มองไปทางไหนทุกหย่อมหญ้าก็กลายเป็นป่าซีเมนต์ของอาคาร คอนโด หอพักและหมู่บ้านจัดสรร “สมโภชน์ ทับเจริญ” อดีตข้าราชการนักวิชาการเกษตรเลือกปฏิเสธเงินก้อนโต 10 หลัก มูลล่ากว่า 1,500 ล้าน เพื่อทำนาทำสวนไร่การเกษตร
5 ปีที่แล้วใครๆ ก็ปรามาสว่าเขา “บ้า” ล้าหลัง ไม่ยอมขายไปตามชีวิตใหม่ของเมือง แต่ในวันนี้อดีตคนบ้าคนนี้ไม่เพียงแต่มีทรัพย์สินระดับเจ้าสัวจากเงินที่งอกเพิ่มขึ้นๆ ในทุกวัน เขายังรวยสุขภาพด้วยอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติแห่งชีวิตที่รายล้อม
ดวงอาทิตย์กล้ากลมโตเหมือนนอนหลับ วี่ลมพัดเพียงปลายสายก็เย็นชุ่ม นกกรีดกรายหมู่แมกร่ายรำอยู่ทั่วทุ่ง สุขในสุขที่จริงแท้@บางขวด
อยู่ที่เราทำมาหากินหรือทำมาหาใช้
จุดเริ่มต้นของพื้นที่เงิน 1,500 ล้านบาท เลขที่ 3 ซอยนวลจันทร์ 56 ถนนนวลจันทร์ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม หรือ ‘@บางขวด’ เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว หลังได้รับมรดกที่ดินจากพ่อเป็นพื้นที่จำนวนกว่าเกือบ 50 ไร่
“เราเป็นทำงานด้านเกษตร เป็นอาจารย์ประจำศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน แรกๆ ก็อยากจะอนุรักษ์ให้มันเหมือนสมัยเด็ก เพราะช่วงปี 2520 กว่าๆ ขึ้นเรื่อยมากรุงเทพฯ ขยายตัว คลองบางขวดเดิมเป็นที่นาที่สวนลูกๆ ได้มรดกก็ขายกันให้นายทุนที่มาซื้อรองรับความเจริญ หมู่บ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์ก็เริ่มขึ้นเรื่อยๆ”
และตามมาเรื่อยๆ ด้วยถนนหนทาง ร้านค้า จนกลายเป็นพื้นที่ทำเลทองย่านหนึ่งของคนกรุงเนื่องจากมีการคมนาคมตัดผ่านเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพฯ เพียงระยะเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น
“เราไม่ได้เดือดร้อนเราก็ไม่ขาย เราอยากทำให้มีบรรยากาศแบบสมัยเด็กก็ทำร่วมกับความเจริญเรื่อยมา เพราะยังไงมันก็ต้องผันเปลี่ยนไปตามความเจริญ ให้รั้งในสภาพของเดิมมันหมดเป็นไปไม่ได้ ก็เลยคิดว่าเราจะเอาความรู้เกษตรของเรามาพัฒนาต้นไม้ คลอง ที่เราสร้างไว้
“เพราะหากเราขายไปเห็นหลายๆ คนเขาก็ไปทำงานหาเงิน ไปเป็นลูกจ้างคนอื่น ไปเช่าที่คนอื่นเขาทำเขาหาเงิน ซึ่งไม่ใช่ไม่ถูกอาจจะเหมาะกับเขา แต่กับสำหรับเราเราคิดว่าเราทำเอง เราเป็นนายตัวเอง จะทำเมื่อไหร่ก็ได้ เราทำมาหากินบนที่ตัวเองรายจ่ายแทบไม่มีเลย มันก็มีเงินเก็บหลังขายผลผลิต ตรงข้ามกับทำมาหาใช้ ได้เงินมาก็ต้องมาใช้ซื้อกิน”
พื้นที่ทั้งหมดของอาจารย์สมโภชจึงค่อยๆ ถูกแบ่งจัดสันปันส่วนเป็น พื้นที่ปลูกนา พื้นที่ปลูกผัก พื้นที่ปลูกผลไม้ บ่อปลา ร้านค้าและร้านอาหาร เนื่องจากต้องการเพิ่มมูลค่าของวัตถุดิบตัวเองแบบไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางที่ให้ราคาต่ำอย่างที่เกษตรกรมักจะพบเจอกัน
“เรียกว่า Farm to Table ส่งตรงถึงผู้บริโภค ปลาดุกที่เลี้ยงเราก็ไม่ขายปลาสด เราขายเป็นปลาดุกราดพริกจานละ 140 บาท ข้าวเปลือกไรเบอรี่ครึ่งกิโลกรัม 30 บาท เรามาหุงขายจานละ 10 บาท มูลค่ามันเพิ่มเป็น 3-4 เท่าตัว คิดง่ายๆ ต่อให้ขายไม่ดีขายไม่ได้ตกเดือนละหมื่นบาท ปีหนึ่งก็แสนกว่าบาทเน้นๆ เพราะกินอยู่กับของเราเอง”
อยู่ที่มุมคิดมอง ‘ความสุข’
เพาะ ปลูก เลี้ยง จากฟาร์มสู่โต๊ะอาหาร ไม่เพียงสร้างรายได้ให้กับอาจารย์สมโภชทับเจริญ แต่ยิ่งในทุกๆ วันที่ผ่านข้ามวันไป ยิ่งความเจริญเข้ามามากเท่าใด พื้นที่ดิน@บางขวดแห่งนี้ราคาที่ดินยิ่งยกกำลังขึ้น
“แรกๆ ใครก็หาว่าบ้า (หัวเราะ) แต่วันๆ ดอกของดินก็ขึ้นทุกวันตามดวงตะวันขึ้นและตก เพราะที่ดินยังเป็นของเรา ขึ้นทุกปี แต่เดิมสมัยพ่อที่ดินตรงนี้ราคาไร่ละ 5 บาท ตอนนี้ขายกันเกินกว่า 10,000,000 ล้านบาท
“คือเรามีใจรักทางด้านนี้ด้วย คนอื่นเขาไม่มีเขาก็เลยทำในวิธีทางแบบอื่นที่เขามีความรู้ เราทำแบบนี้ได้จะพันล้าน หมื่นล้าน แสนล้านก็ไม่ขาย เพราะมันเพิ่มขึ้นให้เราทุกวัน
“สมัยช่วงปี 2557 ที่ตั้งเป็น@บางขวด ใหม่ๆ นายทุนมาขอซื้อเยอะมาก มาแทบทุกเดือน แต่หลังๆ ไม่มาแล้วเพราะว่าเราออกข่าว ออกรายการ ก็จะมีแต่คนมาขอความรู้ คนมากินอาหารที่ร้าน”
อาจารย์สมโภชระบุพื้นที่@บางขวดแห่งนี้ไม่เพียงแค่นับเป็นตัวเงินได้เท่านั้น ยังมีสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันนั้นก็คือเรื่องของสุขภาพ เนื่องจากเมื่อไม่เจ็บไม่ป่วยเงินก็ยังคงกองสุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดของการเกษตรพื้นที่สีเขียวผืนนี้จึงไม่ใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลง
“เราทำเกษตรเพื่อชีวิต ไม่ใช่เกษตรเพื่อความตาย อาหารทานเพื่อประโยชน์ เพื่อให้มีชีวิต คุณกินเข้าไปแล้วมีแประโยชน์ของร่างกาย มะเขือเทศ มะละกอ ก็เพื่อชีวิต เพื่อบำรุงร่างกาย ไม่ใช่ของที่เขาใส่ยาฆ่าแมลงต่างๆ ที่ก้นหลุม อุดมไปด้วยยาฆ่าแมลงแล้วซื้อมากินมีแต่สะสมในตับไตทุกวันๆ เกษตรมันควรเป็นแบบนี้ หรือเงินในอาชีพก็ดีสำหรับผมเหมือนกัน”
อยู่ที่ ‘ใจ’ อยู่ที่ ‘กาย’
อาจารย์สมโภชบอกว่าการที่เราจะเริ่มสร้างหรือเริ่มต้นอะไรสักอย่างล้วนแล้วแต่มีความยากในตัวของมันเอง ไม่ว่าจะอาชีพออฟฟิศก็ยาก เกษตรกรก็ยาก แต่ไม่มีอะไรยากเกินใจหากเรารักและตั้งใจที่จะทำสิ่งเหล่านั้น
“ก่อนจะสำเร็จอย่างวันนี้ก็ล้มลุกเจอปัญหานับไม่ถ้วน พื้นที่ทั้งหมดตอนที่เริ่มทำสภาพของดินเป็นกรด ดินแข็งเป็นกระดานกระด่างเพราะก่อนหน้าใช้ปุ๋ยเคมี ซื้อรถมาไถ่เป็นปีๆ เอาขี้หมูไปใส่แก้การใช้ปุ๋ยเคมี 3-4 ปี ดินมันก็เหลว แต่พอดินเหลวมันใช้รถไถ่ลงไปมันหมด ก็แก้หาวิธีเอาเครื่องมือเครื่องจักรใหม่ เอารถลงไปอยู่ในเรือ ดีไซน์ใหม่ใช้เรือลงทุบนา นี้เฉพาะดินหมดเป็นแสนบาท จนกระทั้งมันออกมา
“คือใครที่คิดหรือมีความสนใจแนวคิดนี้ก็มาศึกษาได้ ขอเพียงชอบก่อนจริงๆ เพราะถ้าเราทำในสิ่งที่เราไม่ชอบเวลาเกิดปัญหาขึ้นมาก็ถอดใจแล้ว แต่หากเราชอบจริงไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจ 90 กว่าครั้ง ก็ยังมีแรงสู้ เหนื่อยในเวลากลางวันแดดร้อนๆ กลางคืนกินข้าวหลับอย่างสบายจนสำเร็จ
“พื้นที่นี้การทำแบบนี้ก็อยู่ที่บางคนอยู่ที่สุขของใครของเรา สำหรับผมมันคุ้มกับสภาพจิตใจ เราเลือกเองได้ และที่สุขไปกว่านั้นได้ให้อะไรกับคนอื่นทิ้งไว้เป็นพื้นดินบรรพบุรุษจากความสุขที่เราทำเอาไว้”
อาจารย์สมโภชกล่าวทิ้งท้ายย้ำชีวิตในวันนี้เราต้องรู้ว่าเราจะอยู่จุดนั้นให้มันมีความสุขกับตัวเองได้อย่างไร
“เกษตรก็ยาก มนุษย์ออฟฟิศก็ยาก แต่ไม่มีอะไรยากเกิน หากเรารักมันและทำมันอย่างจริงจัง ค้นหาตัวตนของตัวเอง ลงมือทำ หาแนวทางอยู่ร่วมกับสิ่งที่เราเป็น ธรรมชาติมันอยู่กับเราเสมอมา งานอะไรก็อยู่กับเราเสมอ เราจะอยู่กับมันหรือเปล่าแค่นั้นเอง”