posttoday

“ครูเอ๊กซ์” เด็กบอร์ดพันธุ์ซ่า อาสาช่วยน้อง

18 ธันวาคม 2563

“เราไม่รู้ว่าชีวิตจะมีแค่ไหน ก็อยากเป็นผู้ใหญ่ที่ส่งต่อกีฬานักกีฬารุ่นต่อไปเมื่อเล่นแล้วจะไม่ถึงทางตัน เล่นแล้วต้องมีอนาคต” เปิดใจ “เอ๊กซ์-ปิยะ สกุลเดช” อดีตนักกีฬาทีมชาติดริฟท์ไทร์ที่ลุกขึ้นมาสร้างลานเอ๊กซ์ตรีมให้เด็กไทยไปไกลถึงระดับโลก

เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล

ภาพ : อัศวิน ปิ่นใจ,ปัณณธร แจ้งประโคน

“ครูเอ๊กซ์” เด็กบอร์ดพันธุ์ซ่า อาสาช่วยน้อง ไม่เพียงฝีไม้ลายมือแพรวพราวระดับเบอร์ต้นในวงการบ้านเราทำให้ต้องรู้จัก “เอ๊กซ์-ปิยะ สกุลเดช” ความสุดยอดเขาที่มีมากๆ พอกับทักษะนั้นก็ “หัวใจ” ที่เปี่ยมไปด้วยการให้

เพราะทั้งๆ ที่ตัวเองป่วย เพราะทั้งๆ ที่ไม่ได้ร่ำรวยเป็นแค่ครูรับจ้างสอนสเก็ตบอร์ดกินเงินเดือน เขาควักทุนเงินทำงานเช่าบ้านเดือนละ 40,000 บาท สร้างเป็นสหกรณ์ที่จะมีการช่วยเหลือด้านอุปกรณ์ ด้านทักษะ ด้านการบาดเจ็บ รวมไปถึงอาหารและสถานที่พักเก็บตัว หลังพบปัญหาการสนับสนุนและสร้างโอกาสที่ปิดช่องอนาคตนักกีฬาส่วนใหญ่ต้องจบ

“ฝันของเรา เราต้องทำด้วยมือของเรา” คำกล่าวสั้นๆ เริ่มต้นบทสนทนาแต่กินความหมายที่ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับภาพตรงหน้าของการปรับเปลี่ยนพื้นที่ลานสานฝันกว่า 100 ตารางเมตรด้วยสองมือ ที่จะต่อเติมอนาคตของเยาวชนเอ๊กซ์ตรีมไทยให้ไประดับโลกในวันข้างหน้า

“ครูเอ๊กซ์” เด็กบอร์ดพันธุ์ซ่า อาสาช่วยน้อง เด็กปทุมผู้รักในบอร์ดสเก็ต

ต้นกำเนิดอาณาจักรนักสไลด์

“ครูเอ๊กซ์” หรือ “ปิยะ สกุลเดช” เกิดและเติบโตเป็นคนจ.ปทุมธานี โดยมีคุณพ่อทำงานขับรถประจำทางและคุณแม่ค้าขายร้านของชำ ชีวิตในวัยเด็กของเอ๊กซ์จึงค่อนข้างที่จะอยู่ในกรอบกฎและแผนที่วางไว้ในอนาคต จนกระทั่งเมื่อกระดานเลื่อนสเก็ตบอร์ดไถลเข้ามาจากการเห็นรุ่นพี่เล่นชีวิตของเอ๊กซ์ก็เปลี่ยนไป

“ทางบ้านอยากให้เป็นวิศวะ (หัวเราะ) ก็คงจะแบบพ่อแม่ทุกคนในตอนนั้นที่อยากให้อนาคตที่ดีมั่นคงกับลูก แต่ส่วนตัวผมรักในศิลปะ ชอบเล่นกีฬาตามประสาเด็กๆ” เขาเล่าต่อ “เราก็ตามใจท่านอยู่พักหนึ่งไปเรียนช่าง ทีนี้ก็มาเห็นรุ่นพี่เขาเล่นสเก็ตบอร์ด ซึ่งมันแปลกมากในยุคนั้นเราก็ชอบเลย”

บัตรประชาชนเปลี่ยนหน้านามเป็นนายได้หมาดๆ เอ๊กซ์ที่หลงใหลในสเก็ตบอร์ดในยุคนั้นแม้เรียนเทคนิคแต่ก็ทำตัวไม่เหมือนเด็กช่างคนอื่นๆ เขาถือกระดานบอร์ดแทนไม้ที ไม่ใส่กางเกงขาเล็กลีบ เขาใส่กระบอกออกจะโคร่งยี่ห้อดิกกี้ (DICKIES) ซึ่งนั้นทำให้ไม่โดนไล่ตีก็โดนรีดไถ่เงิน

“เขาคิดว่าเรารวย เพราะอุปกรณ์สมันก่อนมันแพงต้องสั่งมาจากนอก ก็ต้องวิ่งหนีบ่อยๆ (หัวเราะ) แต่ที่ยากกว่านั้นก็คือกว่าจะเก็บเงินซื้อกระดานสเก็ตแผ่นแรก ตั้ง 8 เดือน และที่ยากกว่าขึ้นไปอีกก็คือการฝึกเล่น สมัยนั้นเล่นไม่มีใครสอน ซื้อวีดีโอมาดูท่าเล่นเป็นเทปกีฬาเอ๊กซ์ตรีมมีโชว์สเก็ตหน่อยเดียว แต่เราชอบเราก็รอก็อดทนเล่น ใครบอกเล่นบ้าๆ  กระโดดสูงๆ มันดูรุนแรง แต่พอเราได้เล่นเสน่ห์ที่รู้สึกได้เวลาที่อยู่บนบอร์ดมันทำให้สงบ มีสมาธิ มีความสุข ไม่มีความวุ่นวายเลย”

“ครูเอ๊กซ์” เด็กบอร์ดพันธุ์ซ่า อาสาช่วยน้อง

จากแรกๆ ที่ใจร้อน กลายเป็นใจเย็น เมื่อไหร่ที่เล่นไม่ได้ก็ลงจากบอร์ดยืนหายใจ ยืดเส้นและทบทวนความผิดพลาด ไม่มีโว้ยวาย ไม่มีขว้างบอร์ดทิ้งเหมือนแรกเล่น

“จิตใจเราไม่ได้อยู่กับที่ เรากังวลกับความกลัว อารมณ์แบบขับรถเร็วทุกอย่างจะกลายเป็นภาพช้าไปหมด สิ่งรอบข้างไม่มีอะไรรบกวนเรา ไม่มีสิ่งยั่วยุมีแค่ธรรมชาติข้างถนน มันทำให้มีแค่สมาธิของตัวเรา ทีนี้พอเล่นได้สเก็ตบอร์ดมันนำเข้ามาจากต่างประเทศ คนเล่นก็น้อย ทีเล่นก็มีน้อย เล่นข้างทางไม่ได้โดนเทศกิจไล่ เล่นตามตลาดก็มีเวลาเปิดปิด บ้านอยู่ปทุมก็ต้องนั่งรถเมล์ 3-4 ต่อมาเล่นที่สยาม สนามศุภชลาศัย ลานหน้าพระบรมรูปทรงม้า ก็ทำให้เจอเพื่อนๆ พี่ๆ หลากหลายวัยและการศึกษา ทัศนคติและมุมมองเราก็เปิดกว้าง เราก็ยิ่งชอบมากขึ้น

“ชีวิตหลังได้เล่นก็เล่นสเก็ตมาเรื่อยๆ จนเรียนจบออกแบบมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จนทำงานและรับงานสอนศิลปะช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิที่ภูเก็ต มาเจอแก๊งเล่นรถดริฟล้อโตก็ลองเล่นแลกเปลี่ยนกับเขาราว 2 ปี กลับมากทม.มาทำรถเล่นไปแข่งได้อันดับได้รับเชิญไปเอเชียที่มาเลเซียรายการเรดบูลล์ชิงแชมป์เอเชียดริฟท์ไทร์ รายการ SliderKing World Championship ช่วงปี 2007-08 ก็เจอสเก็ตบอร์ดดาวน์ฮิลล์ก็เล่น อีกราวๆ 2 ปีก็ปีนขึ้นมาเป็นกรรมการในรายการระดับโลก” เอ๊กซ์ระบุการเริ่มต้นจากเด็กที่หลงใหลก่อนก้าวขึ้นมาสู่การเป็นนักกีฬาเอ๊กซ์ตรีมเต็มตัวระดับเบอร์ต้นๆ ของวงการในประเทศไทย

“ครูเอ๊กซ์” เด็กบอร์ดพันธุ์ซ่า อาสาช่วยน้อง

อาณาจักรนักสไลด์

ฉากต่อมาที่เล็กน้อยแต่ยิ่งใหญ่

หลังจากอยู่ในแวดวงการในระดับแถวหน้าคนหนึ่งของเมืองไทยที่ใครๆ เล่นเอ๊กซ์ตรีมต้องรู้จัก เอ๊กซ์ก็ได้พบว่ากีฬาทางด้านนี้ในสังคมมีจุดบอดเมื่อเดินมาถึงจุดๆ หนึ่งก็ตันและต้องเลิกลาไปไม่สามารถก้าวต่อไปเป็นอาชีพได้เหมือนอย่างต่างประเทศ เอ็กซ์จึงได้ควักทุนและใช้แรงกายสร้าง Art Sound Slide (A.S.S) ในรูปแบบสหกรณ์เพื่อดูแลและช่วยเหลือนักกีฬาเยาวชนเอ๊กซ์ตรีม อาทิ อุปกรณ์ ฝึกสอนทักษะ การดูแลอาการบาดเจ็บ สถานที่พักเก็บตัว อาหารการกิน ฯลฯ  

“เรารู้สึกอยากช่วยเด็กประหยัด ยกตัวอย่างบอร์ดสเก็ต สปอนเซอร์เขาให้แล้วก็จริง เราก็อยากจะสนับสนุนเด็กเพิ่ม เพราะฝึกซ้อมมันไม่ใช่ปีหนึ่งสองแผ่นบอร์ด เด็กปีหนึ่งอาจะเล่นหกแผ่นหัก หรือคนอยากเล่นแต่ไม่มีโอกาสเล่นในอดีตเพราะไม่มีเงิน ก็จะได้รู้ได้ลอง พอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเล่นได้ อยากเล่น ก็ค่อยๆ เก็บ เราก็ได้ฝึกอีกอย่างให้เด็กได้มัธยัสถ์เก็บเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์เป็นของตัวเอง หรือทางบ้านไม่สนับสนุนเราก็มีช่วย” เอ๊กซ์ค่อยๆ เรียบเรียงโครงสร้างสหกรณ์ Art Sound Slide ผ่านลำคอ

“ครูเอ๊กซ์” เด็กบอร์ดพันธุ์ซ่า อาสาช่วยน้อง

“ทุกคนมาทุกคนมาไม่จำเป็นว่ามีแล้วจะต้องออก ต้องจ่ายหมดทุกอย่าง มาเรียนรู้กัน โอกาสตรงนั้นเราอยากส่งให้เขา เพราะสเก็ตบอร์ดไม่ใช่โดนเหยียดว่ารุนแรง ว่าแก๊งขี้ยาแล้ว เดี๋ยวนี้มันเป็นกีฬาที่แบบสมานครอบครัว บางคนพาลูกมาเรียน ตัวเองไม่มีเวลาทำกิจกรรมเลย ก็รอลูกและมาเล่นสเก็ตกับลูก บางคนก็เล่นจักรยานบีเอ็มเอ๊กซ์นี้แหล่ะมันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กีฬานี้เปลี่ยนไปในทางที่ดีครับ ผมอยากทำเป็นทางผ่าน เป็นสะพานทอดไป”

การสร้างพื้นที่แห่งนี้ไม่เพียงจะเพิ่มมาตรฐานให้นักกีฬาประสบความสำเร็จในระดับโลกแล้ว ยังช่วยเพิ่มโอกาสในวงจรนักกีฬาเอ๊กซ์ตรีมที่มักต้องหยุดในเวลาอันสั้นอีกด้วย

“เล่น ลงแข่ง ติดทีมชาติจากนั้นก็มาเป็นครูไม่ก็เปิดร้านขายอุปกรณ์ ในยุค 80 พอ 90 เล่นสเก็ต ไม่มีการรักษาที่ครบวงจร เจ็บหักไม่เหมือนเดิม เล่นต่อไม่ได้ก็จบชีวิตนักกีฬา คนที่พอมีทางก็ไปเป็นครูกัน ก็ไปเปิดร้านอุปกรณ์กัน ไม่ก็ไปเป็นพนักงาน ไปเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่แย่ๆ มากๆ ทางตัน อย่างนักกีฬารุ่นที่รักกันเลยเล่นมาด้วยกัน พี่เขาขโมยจักรยานผมไปตอนไปแข่งที่จ.บุรีรัมย์ ผมต้องเดินกลับมาบ้านที่ปทุมเพราะมีเงิน 200 บาท เดิน 9 วัน 420 กิโลเมตร

“ครูเอ๊กซ์” เด็กบอร์ดพันธุ์ซ่า อาสาช่วยน้อง

“แต่ผมไม่แจ้งตำรวจ ไม่เอาความ เพราะเข้าใจ ตอนผมเดินกลับก็คิดเขาคงทางตันจริงๆ จากระบบต่างๆ ของกีฬาเรา แต่เราไม่โทษระบบ ระบบมันมีอะไรหลายๆ อย่างเป็นตัวแปร ฉะนั้นเราก็คิดว่าเราคนเล่นคนหนึ่ง เราไม่อยากให้มันเกิดวงจรแบบนี้ต่อไป ก็พยายามจะแก้ไขให้มันสามารถพัฒนาไปให้ได้ แม้มันอาจจะไม่เปลี่ยนไปทั้งหมด แต่เล็กๆ น้อยๆ มันก็ช่วยให้อะไรๆ เปลี่ยนในทิศทางที่ดีขึ้นได้”

เมื่อ 5-6 เดือนที่แล้วเอ๊กซ์จึงเริ่มสอนกีฬาสเก็ตบอร์ดให้ฟรีแก่เด็กเยาวชนคนหนุ่มสาวรวมไปถึงผู้ใหญ่ที่สนใจ โดยที่แรกเริ่มที่ จ.เชียงใหม่ จากนั้นที่จ.ราชบุรีและก็ที่จ.ปทุมธานีบ้านเกิด จนเมื่อเดือนที่แล้วเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งจึงเริ่มโครงการสหกรณ์เพื่อน้องดังกล่าว

“เหนื่อยก็นิดหน่อย มีเล่นของเก่าขาย มีจ๊อบสอนที่สนามรุ่นพี่ แต่ก็ต้องทำ เราอยากทำทุกทางเพื่อให้มันเกิดขึ้นอย่างที่บอก เพราะว่าตอนนั้นเราป่วยด้วยเรายิ่งเห็นว่าเราไม่รู้ว่าชีวิตจะมีแค่ไหน ก็อยากเป็นผู้ใหญ่ที่ส่งต่อกีฬาให้เด็กๆ ที่ชอบไปต่อได้ในอนาคต นักกีฬารุ่นต่อไปเมื่อเล่นแล้วจะไม่ถึงทางตัน เล่นแล้วต้องมีอนาคต มันเป็นความสุข

“บางคนถามว่าทำไปทำไมบ้าง ไม่จ้างคนอื่นทำบ้าง คือความสุขอย่าคิดว่าส่งต่อไม่ได้ ความส่งไม่ใช่แค่เงิน ความสุขผมคือการส่งต่อสิ่งเล็กๆ แค่นั้น ไม่อยากมีเงินล้านตอนอายุ 50 แล้วค่อยสร้าง เราไม่มีโอกาสให้เด็กแล้ว เราไม่มีแรงสอน ไม่มีแรงดีไซน์ คงทำอะไรได้ไม่มาก อาจจะเดือนร้อนคนอื่นมากกว่าตัวเราที่จะต้องมาช่วยทำ ตอนนี้เราก็จะ 40 เริ่มทำยังไหว ก็ขอขอบคุณพี่สาวที่สนับสนุนช่วยให้เกิดโปรเจคนี้ขึ้นได้ ขอบคุณ ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในวงการที่มาร่วมสร้างฝันกัน”

Art Sound Slide มีกำหนดการแล้วเสร็จช่วงต้นปี 2564 ภายในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ ซึ่งใครสนใจสามารถมาเล่น มาฝึก มาเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวเอ๊กซ์ตรีมแห่งนี้ได้ที่คลองหก จ.ปทุมธานี ฝั่งซอยตรงข้ามเยื้องหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

“ครูเอ๊กซ์” เด็กบอร์ดพันธุ์ซ่า อาสาช่วยน้อง

“ครูเอ๊กซ์” เด็กบอร์ดพันธุ์ซ่า อาสาช่วยน้อง

ฝันของเราต้องทำด้วยมือของเรา

บทส่งท้ายนักกีฬาเอ๊กซ์ตรีมรุ่นพี่

“สเก็ตบอร์ดมันคือยา แต่มันเป็นยาวิเศษครับ ทำให้ทุกคนมีความสุข ทำให้ทุกคนหายเครียด บางคนเป็นโรคซึมเศร้านะครับได้สเก็ตบอร์ดเป็นยาดี ทำให้เขามีเพื่อน ทำให้เขารู้ตัวว่ามีเขามีความสามารถที่จะส่งต่อไปได้ เขาไม่หดหู่กับตัวเองครับ มันคือยาวิเศษจริงๆ สเก็ตบอร์ดกีฬา กีฬาคือยาวิเศษ” เอ๊กซ์กล่าวถึงวงการในปัจจุบันที่เปลี่ยนไปมากไม่ว่าจะสังคมคนเล่นและแขนงการเล่นที่เพิ่มความสวยงามเหมาะกับทั้งเพศชายและหญิง อายุมากหรืออายุน้อย ก็สามารถเล่นได้

“พอเราเล่นกีฬาเราก็ได้ออกกำลังกาย การจะเล่นให้ได้ดี ร่างกายก็ต้องแข็งแรง อย่างผมภายนอกดูเหมือนออกแนวดาร์คๆ แต่ผมไม่กินน้ำอัดลม วิ่งจ๊อกกิ้งเป็น 10 กว่ากิโลเมตร ทุกคนพอรู้ว่าผมปั่นจักรยานปั่นไปประเทศมาเลเซียตกใจ

“ครูเอ๊กซ์” เด็กบอร์ดพันธุ์ซ่า อาสาช่วยน้อง

“คือนักกีฬาต้องมีวินัย มันตัดสินกันไม่ได้จากภายนอก เราเล่นแล้วได้วินัย ได้สุขภาพ เล่นแล้วมีความสุข เล่นแล้วหายเครียด มันช่วยได้จริงๆ มีคนเป็นโรคซึมเศร้าได้สเก็ตบอร์ดเป็นยาชั้นดีในการช่วยรักษา อย่างน้องที่จ.บุรีรัมย์ที่ไม่มีใครเข้าใจเขา วันนี้กลับคืนมาพาเด็กๆ ทางบุรีรัมไปแข่งจนได้ถ้วย บ่มเด็กๆ รุ่นต่อรุ่นมาได้รางวัลแข่งระดับประเทศ มีน้องผู้หญิงที่เล่นจนนำไปพัฒนาชีวิตได้เป็นทีมชาติ เป็นอนาคตตัวเต็งบ้านเราในตอนนี้ มีน้องที่ไปไกลได้ไปแข่ง SliderKing World ระดับโลก แข่งงานแข่งมอเตอร์จีพีที่บราซิล สร้างชื่อเสียง สร้างอาชีพให้ตัวเอง

“ก็ขอฝากกีฬาชนิดนี้เพราะกีฬาทุกอย่างมันเป็นยาวิเศษ เยาวชนคนไหนหรือใครที่สนก็มาเจอ มาพูดคุย มาเล่นกันได้ มาร่วมสร้างร่วมกันพัฒนาเพื่อลูก เพื่อหลาน เพื่อพี่น้องของเรากันครับ เพราะอย่างที่บอกฝันของเรา เราต้องทำด้วยมือของเรา”

“ครูเอ๊กซ์” เด็กบอร์ดพันธุ์ซ่า อาสาช่วยน้อง