posttoday

ขอทำความดีเพื่อบ้านเกิด! เปิดใจทีมสาวสวยช่วยเก็บขยะหลังไหลเรือไฟ

14 ตุลาคม 2562

สังคมชื่นชมทีมสาวสวยจิตอาสาลุยเก็บขยะหลังงานไหลเรือไฟ เผยอยากทำดีเพื่อบ้านเกิดพร้อมขอบคุณทุกกำลังใจ

สังคมชื่นชมทีมสาวสวยจิตอาสาลุยเก็บขยะหลังงานไหลเรือไฟ เผยอยากทำดีเพื่อบ้านเกิดพร้อมขอบคุณทุกกำลังใจ

เมื่อวันที่ 14 ต.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสังคมออนไลน์ได้ร่วมกันแชร์ภาพของกลุ่มหญิงสาวที่ร่วมกันเก็บขยะจำนวนมาก บริเวณริมแม่น้ำโขงในเขตเทศบาลเมืองนครพนมหลังเสร็จงานไหลเรือไฟในคืนวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้คนต่างร่วมแสดงความชื่นชมต่อการกระทำของกลุ่มหญิงสาวเป็นจำนวนมากนั้น

ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังเจ้าของเฟซบุ๊กที่นำภาพมาเผยแพร่ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดย น.ส.ชวัลพชร สุวรรณวงค์ หรือ นุช อายุ 23 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองนครพนม เจ้าของเฟซบุ๊กที่นำภาพมาเผยแพร่ได้เปิดเผยว่า คืนดังกล่าว น้องๆที่รู้จักกันรวม 5 คนประกอบด้วย น.ส.กมลวลัย ประจักษ์รัตนกุล อายุ 20 ปี น.ส.สมิตา ศรีสวัสดิ์ อายุ 21 ปี นายนวกิจ ชาชม อายุ 20 ปี และ นายศุภคูณ ลิ้มรุ่งเรือง อายุ 22 ปี ได้เดินทางมาท่องเที่ยวชมงานไหลเรือไฟ กระทั่งงานไหลเรือไฟจบ ประชาชน นักท่องเที่ยว ต่างทยอยเดินทางกลับ ก็พบว่ามีขยะถุงพลาสติกเกลื่อนไปหมด จึงพุดคุยกันว่า อยากช่วยเหลือสังคม รวมทั้งรู้สึกสงสารเจ้าหน้าที่เก็บขยะของเทศบาลเมืองนครพนม ที่ต้องทำงานหนัก จึงพาอาสาจัดหาถุงดำมาช่วยกันเก็บขยะ บริเวณพื้นที่อัฒจันทร์ริมแม่น้ำโขง

ขอทำความดีเพื่อบ้านเกิด! เปิดใจทีมสาวสวยช่วยเก็บขยะหลังไหลเรือไฟ

จากนั้นได้นำภาพมาโพสต์ให้เพื่อนๆได้เห็น จะได้ช่วยกันรักษาความสะอาด ให้เมืองนครพนม น่าอยู่ เพราะคิดว่าเป็นเมืองท่องเที่ยว พร้อมเขียนข้อความว่า คิดแล้วต้องลงมือทำด้วย โดยไม่คิดว่า จะกลายเป็นกระแสทางโซเชียล

"ที่สำคัญในช่วงนี้เป็นวันครบรอบวันสวรรคต ในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงอยากทำความดีเพื่อถวายพระองค์พ่อหลวง รวมทั้งอยากทำความดีเพื่อบ้านเกิด นอกจากนี้ยังได้ติดตามข่าวผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ที่ชอบนำส่วนราชการ เดินเก็บขยะในวันหยุด ร่วมกับเทศบาลเมือง สร้างจิตสำนึกประชาชน ช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม ให้เป็นเมืองน่าอยู่ จึงอยากมีส่วนร่วมเป็นหนึ่งในลูกหลานชาวนครพนม ที่ได้ทำความดีเพื่อบ้านเกิด"

"ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจ และอยากให้ชาวนครพนม รวมถึงน้องๆ เยาวชน ช่วยกันดูแลรักษาความสะอาด ให้นครพนม น่าอยู่มากยิ่งขึ้น"