posttoday

ไหวพริบดี!ลุงขับเรือฝ่าพายุกลางเขื่อนร้องเพลงปลอบใจผู้โดยสารพากลับฝั่งปลอดภัย

02 กรกฎาคม 2562

ระทึก!14 ชีวิตล่องเรือผ่านพายุฝนกลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ขณะที่ลุงคนขับวัย56ปีไหวพริบดีร้องเพลงปลอบใจลดตึงเครียดพาเข้าฝั่งปลอดภัย

ระทึก!14 ชีวิตล่องเรือผ่านพายุฝนกลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ขณะที่ลุงคนขับวัย56ปีไหวพริบดีร้องเพลงปลอบใจลดตึงเครียดพาเข้าฝั่งปลอดภัย

กรณีผู้ใช้ชื่อเฟซบุ๊กชื่อ Jacob Wana เผยแพร่ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว เหตุการณ์เดินเรือจากบ้านท่าแพ อ.ทองผาภูมิ เพื่อกลับบ้านปิล๊อกคี่ โดยนั่งเรือหางยาวโดยสาร ซึ่งในวันนั้นท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆฝนและเริ่มมีฝนตกปรอยๆ ขณะที่เรือออกจากจากท่าไปได้ไม่นาน โดยมีนายท้ายเรือซึ่งเป็นลุงชาวกะเหรี่ยงคนหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านปิล๊อกคี่เช่นกัน

ในเฟซบุ๊กเล่าเหตุการณ์วันนั้นว่า ...วันนี้ผมเจอกับเหตุการณ์ตึงๆแอบกังวลนิดๆบนเรือระหว่างเข้าชุมชน....เมื่อเรือแล่นออกจากฝั่งสักพัก..เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก.....แต่ดีที่ไม่มีลมแรง....การเดินเรือมองไม่เห็นเกาะหรือจุดสังเกตอะไรเลย..เท่าที่สังเกตในเรือมีแต่สตรี ผู้สูงอายุ และเด็ก...แต่ละคนเริ่มจะกังวลกับเหตุการณ์ฝนตกหนักครั้งนี้....เพราะคนขับเรือมองไม่เห็นทางและหลงทางออกนอกเส้นทางกลับบ้านไปไกลเลย...

#แต่อยู่ๆเหตุการณ์ตึงเครียดก็เริ่มเบาบางลงเมื่ออยู่ดีๆคนขับเรือลุงเบระเทอะก็เริ่มตะโกนร้องเพลงออกมาจนผมแอบยิ้มและเอากล้องขึ้นมาถ่าย...และสักพักก็มีเสียงหัวเราะเพราะมีป้าบ้าจี้ชื่อ ป้ามีโช่...ถูกแกล้งให้บ้าจี้ทำตาม....ดูไปก็ขำและแอบบันทึกภาพแห่งความสุขรอยยิ้มเสียงหัวเราะของหลายคนในเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้และถึงชุมชนด้วยความปลอดภัย....55

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบ นายยาโคป วนาพิทักษ์สกุล อายุ 31 ปี ชาวบ้านปิล๊อกคี่ หมู่ที่ 4 ต.ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี หนุ่มชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง เจ้าของเฟซบุ๊กผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ขณะเดินทางออกจากหมู่บ้านมาติดต่อราชการที่ตัวอำเภอทองผาภูมิ

นายยาโคป เล่าว่า วันเกิดเหตุเป็นวันที่ 30 มิ.ย.62กลับจากธุระในตัวอำเภอทองผาภูมิ เพื่อกลับไปยังหมู่บ้านปิล๊อกคี่ ซึ่งการเดินทางต้องนั่งเรือโดยสารจาก บ้านท่าแพ ต.ท่าขนุน วิ่งไปในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ โดยปกติจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.ขณะที่เรือออกจากบ้านท่าแพ โดยนั่งเรือของลุงเบระเทอะ วัย 56 ปี ร่วมกับผู้โดยสารคนอื่น อีกประมาณ 13-14 คน โดยทุกคนเป็นคนในหมู่บ้าน ส่วนใหญ่บ้านผู้หญิงสูงวัย เนื่องจากเพิ่งกลับมาจากการเดินทางไปโบสถ์ที่ อ.ทองผาภูมิ ขณะที่เรือออกจากท่ามาได้ไม่นานเริ่มมีฝน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของที่นี่เนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝน แต่ขณะที่เรือแล่นออกมาอยู่กลางอ่างที่เวิ้งว้าง ฝนเริ่มตกอย่างรุนแรง จนมองไม่เห็นเส้นทางที่เรือจะมุ่งหน้าไป ทัศนะวิสัยตอนนั้นแย่มากฝนก็แรงจนทำให้คนนั่งในเรือต้องนำผ้าใบและร่มมากันเปียก สถานการณ์เริ่มตึงเครียด ทุกคนเงียบ เพราะความวิตกกังวล และหวาดกลัว และไม่มีเสียงพูดคุย แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเพลงที่ร้องโดยลุงเบระเทอะ ดังขึ้นมาแข่งกับเสียงเครื่องยนต์และเสียงฝนที่ตกลงมา พอทุกคนเห็นลุงคนขับเรือร้องเพลง บรรยากาศก็เริ่มผ่อนคลาย เริ่มกลับมาพูดคุย หยอกเหย้ากัน แม้ฝนจะยังไม่หยุดตกก็ตาม

สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไปกว่า 1 ชม. ฝนเริ่มซา ฟ้าเริ่มเปิดจนทุกคนพบว่า เส้นทางที่เรือวิ่งมาไม่ใช่ทางกลับหมู่บ้าน แต่ก็ไม่มีใครว่าลุงคนขับเรือแต่กลับมีการหยอกเหย้าและมีป้าคนหนึ่งลุกขึ้นมาเต้นรำ ด้วยความดีใจที่ผ่านพ้นช่วงเวลาที่วิกฤติมาได้ สุดท้ายลุงเบระเทอะ ก็สามารถนำเรือเข้าฝั่งกลับหมู่บ้านได้อย่างปลอดภัย แม้การเดินทางกลับบ้านวันนั้นจะต้องใช้เวลานานกว่า 2 ชม.ก็ตาม ซึ่งเหตุการณ์วันนั้นต้องชื่นชมลุงคนขับเรือ ที่มีไหวพริบ และแก้ไขสถานการณ์ด้วยการตัดสินใจร้องเพลงเพื่อลดความตึงเครียดและคลายความวิตกกังวลของผู้โดยสาร พร้อมฝากเตือนผู้ที่ต้องใช้เรือในการเดินทางควรมีเสื้อชูชีพ เนื่องจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางได้เสมอ หากเจอเหตุการณ์ที่วิกฤติให้ใช้สติในการแก้ไข โชคดีที่วันนั้นมีแต่ฝน ไม่มีคลื่นลม ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้โดยสารบนเรือลำดังกล่าว