แปลกแต่จริง "เฉาก๊วย หมูชวนวิ่ง" บทเรียนจากหมูสู่คนที่ไม่หมู

พบกับเรื่องราวของหมูมหัศจรรย์ที่ชื่อว่า "เฉาก๊วย" สัตว์ 4 ขา ไอดอลที่สร้างรอยยิ้มให้นักวิ่งและแรงบันดาลแก่ใครหลายๆคน

*******************

โดย...รัชพล ธนศุทธิสกุล

หมูวิ่งมาราธอนที่จังหวัดชลบุรีเป็นภาพอะเมซิ่งทั้งในและนอกแวดวงนักวิ่งในสังคมไทยตลอดที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ทางโพสต์ทูเดย์เดินทางไปทำเปิดความรู้จักในความแปลกผิดวิสัยธรรมชาติความเกียจคร้าน

แต่จากเรื่องแปลกของ “เฉาก๊วย” หมูแคระวัย 1 ปี 4 เดือน สัตว์เลี้ยงแสนรักยอดนักวิ่งของ “จิ๊บ-จตุรงค์ ผิวจันทร์” หนุ่มเฟอร์นิเจอร์ชาวชลบุรีวัย 39 ปี แห่งช่างนึกเฟอร์นิเจอร์ นั้นได้กลับกลายเป็นเรื่องราวสุดมหัศจรรย์ ที่ไม่ใช่แค่การมีเพจเฟซบุ๊ก "ผมชื่อเฉาก๊วยลูกพ่อจิ๊บครับ" ที่มีคนติดตามทั้งเด็ก-วัยรุ่น-ผู้ใหญ่เรือนหมื่นคน

แต่เพราะหมูตัวนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจคนให้รักสุขภาพออกมาวิ่ง และเพราะหมูตัวนี้ฉุดใจที่อ่อนล้าให้กับมามีพลังในการงานหน้าที่ เป็นแบบอย่างเรื่องระเบียบเอาไปทำตามแล้ว ‘ชีวิต’ ดีขึ้น

พลังหมูพลิกชีวิต

“เฉาก๊วยหมูแคระเขามาอยู่กับผมโดยบังเอิญ คือตอนแรกแฟนจะเลี้ยงน้องหมา แต่น้องหมาเราเคยเลี้ยงแล้ว แมวก็เคยเลี้ยงแล้ว ก็เลยจะเลี้ยงลิงแทนเพราะว่ามันน่ารักดีตอนไปเจอคนเลี้ยงลิงที่ตลาดนัดแถวบ้าน แต่พอไปพิมพ์ค้นหาในเว็บขายดีเสิร์ชว่า ‘สัตว์เลี้ยง’ ก็ขึ้นรูปแม่หมูแคระนอนกำลังนอนให้นมลูกๆ มาก่อนเลย พอกดเข้าไปดูเขาขายที่ระยองพร้อมขาย เราก็เอาเลย” จิ๊บเล่าถึงที่มาของเฉาก๊วย ในวัย 20 วัน ที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกครอบครัว

วันแรกเฉาก๊วยค่อนข้างนิ่งและไม่ยุ่งกับใครแม้แต่ตัวจิ๊บเอง แต่วันต่อๆ มาเมื่อได้ป้อนนมและให้อาหารความผูกพันของทั้งคู่เริ่มพัฒนาเข้ามาคลุกคลีเล่นและเข้ามานอนด้วยกันในที่สุด

“แรกยังไม่ชินเวลาฉี่หรือถ่ายจะเรี่ยในบ้าน พอสนิทก็สอนเรื่องฉี่ในห้องน้ำ จะฉี่เราก็อุ้มเขาไปห้องน้ำ หลังจากนั้นเขาก็ฉี่ในห้องน้ำเอง ทีนี้ก็มีแต่ถ่ายจำเป็นต้องพาเขาออกนอกบ้าน พอเราพาเขาออกประจำทุกวันตอนเช้า-เย็นมันก็ติดเป็นเวลาประจำเขา”

ด้วยพฤติกรรมของเฉาก๊วยเวลาถ่ายก็ต้องเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถ่าย จิ๊บจึงถือโอกาสในการออกกำลังกายไปด้วย ตรงนี้คือจุดเริ่มต้นของการที่เฉาก๊วยเป็นหมูนักวิ่งมาราธอนที่เขาเองไม่รู้ตัวเหมือนกัน  

“ถ่ายเสร็จเขาเดินตาม เราก็ลองพาเดินยาวๆ เพราะต้องการถือโอกาสออกกำลังกายในตัว เขาก็ตามตลอด หลังๆ ก็พาเดิน 3 กิโลเมตร วันหยุดก็เดินไกลหน่อยไปเรื่อยๆ เป็นอย่างนี้ทุกวัน จนวันหนึ่งผมสมัครวิ่งมาราธอนไว้แล้วตื่นมาตีสาย 5.15 น. อีก15นาทีจะปล่อยตัววิ่งแล้ว ก็รีบออกไปให้ทันวิ่ง กะว่ากลับมาคอยพาออกมาถ่าย แต่พอออกมาเขาก็ดันกระแทกประตู ดังตึงๆ ก็กลัวว่าชาวบ้านเรารำคาญ ก็เลยอุ้มเขาไปด้วย”

การปรากฎตัวครั้งแรกของเฉาก๊วยภายในงาน “Nurses Run For Health” พยาบาลชวนวิ่งเพื่อสุขภาพ 2018 ได้กลายเป็นที่สนใจเพราะต่างชินตากับนักวิ่งที่พาสุนัขเข้าร่วม ทุกสายตาจึงจับจ้องและเข้ามาพูดคุยพร้อมถ่ายรูปกันอย่างประหลาดใจ

“เราวิ่งนำเขา เขาก็วิ่งตาม พอเหนื่อยเขาก็พักแปบหนึ่ง แล้วก็ลุก เราก็วิ่งนำเขาต่อ” เขาบอก

และความประหลาดใจที่ยิ่งกว่าการเปิดตัวว่านั้นคือ ‘มาราธอนแรก’ เฉาก๊วยวิ่งจบเข้าเส้นชัยโดยไม่ใช่อันดับสุดท้ายอีกด้วย

“เขาก็เลยกลายเป็นขวัญใจคนและก็มางานหมอชวนวิ่งอีกรายการที่ 2 ที่เขาวิ่ง ทีนี้งานต่อๆ มาจนถึงมาราธอนครั้งที่8 ครั้งที่ 9 เวลาใครเจอก็มักจะบอกว่าเขาเป็นแรงบันดาลใจ เห็นเฉาก๊วยวิ่งทำให้เขามีกำลังใจ มีรอยยิ้ม ส่วนบางคนที่เขามีกำลังใจวิ่งดีอยู่แล้วเขาก็จะบอกว่าเฉาก๊วยทำให้เขาหายเครียด ให้เราลงรูปลงคลิปเขาบ่อยๆ เวลาทำงานได้เปิดดูเป็นพลัง”

จิ๊บบอกว่านอกจากความสุขที่เฉาก๊วยสร้างกำลังใจ รอยยิ้มและความสุข สำหรับตัวเขานั้นเฉาก๊วยเองก็พลิกชีวิตเขาไปจากเดิมที่ตั้งหวังวิ่งมาราธอนเพื่อสุขภาพ ณ ตอนนี้เขาต้องการที่จะพิชิตวิ่งอัลตร้ามาราธอน เพื่อนำเสื้อมาใส่เป็นการขอบคุณเช่นกัน

“เพราะเสื้อทุกตัวที่วิ่งผมจะให้เขาใส่ มันก็เหมือนว่าเขาทำให้เราต้องวิ่งออกกำลังกายไปเรื่อยๆ ให้เขามีชุดหล่อใส่ สุขภาพเราก็ดีขึ้นๆ เราก็คิดอยากจะพิชิตวิ่งให้ได้ 100 กิโลเมตร ให้เขาภูมิใจเอาไปอวด”

ระเบียบหมู-อยู่ที่การฝึกฝน

จิ๊บบอกว่าการที่เฉาก๊วยเป็นหมูที่ผิดวิสัยธรรมชาติ ไม่ไร้ระเบียบและเกียจคร้าน เช้าตื่นตี 4.30 น. ออกไปวิ่ง เย็น 17.30 น. ก็ออกไปวิ่ง เป็นอย่างนี้มาเป็นระยเวลา 1 ปี 4 เดือน ไม่เคยเบี้ยวเลยแม้แต่สักครั้งเดียว เกิดจากการใช้วิธีฝึกฝนแบบสุนัข

“เราเคยเลี้ยงน้องหมายังไงเราก็ฝึกเขาอย่างนั้น พาไปเดิน พาไปวิ่ง สอนให้เขาทำอย่างนั้น สอนไม่ให้ทำอย่างนี้ เขาก็เลยเป็นเวลา กินก็เป็นเวลา 2 ทุ่มนอนเป็นเวลา ไม่มายุ่งหรือวุ่นวายในบ้าน จากที่มาแรกๆ กว่าจะนอน เล่นตามประสาสัตว์ เฉาก๊วยพิสูจน์ว่ามันปรับเปลี่ยนกันได้ พอเราทำอะไรประจำๆ มันก็ติดเป็นนิสัย” 

ซึ่งนิสัยที่ว่านี้นำมาสู่ ‘การเปลี่ยนแปลงในชีวิต’ ได้ไม่ต่างไปจากคน โดยตัวอย่างหนึ่งที่ยืนยันในคำกล่าวนี้ คือคนในละแวกบ้านที่คุ้นชินกับพฤติกรรมหมูแคระยอดนักวิ่งตัวนี้ ปัจจุบันได้เลื่อนขั้นขึ้นตำแหน่งในหน้าที่การงาน เพราะนำความมหัศจรรย์ของหมูที่ไม่ควรขยันแต่ดันขยันมาปรับใช้ในชีวิต

“ฟังอาจจะดูเหลือเชื่อ แต่เป็นความจริง สำหรับตัวผมที่สัมผัสได้จากเขาเลย บางทีเราขี้เกียจตื่นจะสายเลยเวลา เขาจะเอาจมูกมาดุนๆ ปลุกถึงที่นอน หรืออย่างเขารอผมตลอด 16.30 น. เขาจะยืนรอหน้าประตูแล้ว รอให้กลับผม ทุกวันนี้ผมเลิกงานมุ่งหน้ากลับบ้านอย่างเดียว ไม่มีแวะสังสรรค์นอกลู่นอกทางที่ไม่ดี สิ่งที่เขาเป็นก็ปรับเปลี่ยนชีวิตผม”

ที่แม้จะไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย จิ๊บยอมรับระเบียบวินัยของลูกหมูตัวนี้ทำให้เขาคงเส้นคงวาชีวิต ไม่กลับไปสู่เมื่อ 20ปีก่อน คนในอดีตที่เป็นสิงห์สุราและบุหรี่หรือช่างเฟอร์นิเจอร์ขี้โรค

“คือจริงอยู่ที่เพื่อนชวนมาวิ่ง และวิ่งก็ค่อยๆ เปลี่ยนทั้งความคิด สังคม เมื่อเจอกลุ่มคนดีๆ ที่พูดคุยกันแต่เรื่องพัฒนาชีวิต ผลพลอยได้สุขภาพร่างกายเฟิร์มแข็งแรงสมบูรณ์ 100%  ไม่แตะเหล้าไม่เอาบุหรี่ แต่ถ้าไม่มีเขา ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้หรือไม่ แต่พอมีเขามั่นใจเต็มเลย แม้ชีวิตจะไม่ได้เลิศหรู ยังอยู่ห้องเช่าธรรมดา แต่มันมีความสุข กิจวัตรประจำวันไปวิ่งด้วยกัน นั่งรถเล่นด้วยกัน มีคนยิ้มให้ มันมีความสุขที่สุด นั้นคือสิ่งที่เขาคอยเติมใจ เติมกาย ให้เต็มอยู่เสมอ ไม่ต้องไปสิ้นเปลือง เหล้า บุหรี่ ย้อมใจ ทำให้หายเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งมันมีแต่หมด หมดเงินทั้งอาทิตย์เพราะกินเหล้าวันเดียว บุหรี่ซองละเกือบ 100 บาท ไหนจะค่ายาที่ต้องซื้อมากินแทบทุก 2 อาทิตย์ ที่ป่วยเป็นประจำกับงานที่อยู่กับฝุ่นและทินเนอร์”  

หมูทำได้ "คุณ" ก็ทำได้

หลังลัดเลาะเส้นทางชีวิตและจุดเริ่มที่ทำให้เฉาก๊วยกลายเป็นหมูแคระชื่อดังมีผู้ติดตามระดับหมื่นคน ทำให้เรารู้ว่าไม่ใช่ความแปลกที่ทำให้โด่งดัง หากแต่เป็นความมานะและระเบียบวินัย ซึ่งหนุ่มเฟอร์นิเจอร์บอกว่าทั้งหมดทั้งมวลนั้นล้วนมีรากฐานมาจาก ‘ใจ’

“สุดท้ายมันอยู่ที่ใจ คนเราทำได้ทุกคนถ้ามีใจ มีวินัย มีแรงบันดาล แต่ใจมันต้องเกิดขึ้นจากเรา” เขาบอก

จิ๊บยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ โดยบอกถึงเรื่องการวิ่ง เรื่องที่ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ความเหนื่อยที่พรากเอาความรู้สึกของการอยากออกกำลังกายออกไป หากแต่เป็นการตื่นนอนบนเตียงต่างหาก

“วิ่งจริงๆ ไม่ยาก แต่ที่ยากคือการตื่นมาวิ่ง นั้นมันก็เปรียบเสมือนคือใจ ถ้ามีใจ แค่ลุกออกมาจากที่นอน ตื่นมาวิ่งเบาๆ 300 เมตร จากนั้นเดินเป็นกิโลเมตร มันก็ได้ประโยชน์กว่าเห็นๆ”

โดยในหนึ่งสัปดาห์ 168 ชั่วโมง ทำจำนวน 3 ครั้ง หากมาลองชิมลางมันจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่เขากล่าวมาทุกคน

“ต้องลองแล้วจะรู้ จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ฟังอาจจะดูเชยแต่คำนี้หากทำได้เอาไปใช้อะไรก็ได้ในชีวิต เฉาก๊วยใจเขารักที่จะไปกับผม มันก็เริ่มจากจุดนี้ และตอนนี้เขามีสถิติการวิ่งของเขาอยู่ที่ 10 กิโลเมตร อาจจะวิ่งบ้าง เดินบ้าง เหนื่อยล้มนอน แต่เขาก็ลุกมาวิ่งต่อตลอดจนจบงาน ทั้งๆ ที่กีบของเขาไม่เอื้อกับการวิ่ง ตอนนี้น้ำหนักเขาเริ่มเยอะขึ้น ผมก็เบาลงให้เขาวิ่งแค่ 3 กิโลเมตร คือถ้าเปรียบกับคนเราทำได้มากกว่าเขา แล้วเขาทำสิ่งที่นอกเหนือธรรมชาติได้ เราจะทำชีวิตให้ดีอย่างใจเรามันไม่ใช่เรื่องยาก”